“Bitcoin เป็นเงินดิจิทัลสกุลแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่มีรัฐบาลหรือองค์กรอื่นใดสามารถหยุดหรือทำลายได้” เช่นเดียวกับ Internet แนวคิดที่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นนั้นคล้ายกับอินเทอร์เนตที่จายข้อมูลออกไปตามที่ต่างๆเพื่อไม่ให้มันถูกทำลายลงได้ ต่างไปจากแนวคิดธนาคารหรือองค์กรต่างๆ มากมายที่มีรูปแบบเป็นศูนย์กลางที่มีอ๊อฟฟิซให้สั่งปิด ในตอนที่แล้วเราได้นำเสนอถึงเรื่องราวของการนำ Bitcoin ในตลาดมืดอย่าง Silkroad ซึ่งท่านผู้อ่านก็น่าจะพอทราบแล้วว่ามันไม่มีอะไรมาหยุดยัง Bitcoin ได้ ในวันนี้เราจะเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นการพิสูจน์ครั้งแรกของ Bitcoin ว่ามันกลายเป็นระบบการเงินที่ไม่ถูกล้มล้างได้ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้คือเว็ปไซต์ที่ชื่อ Wikileaks
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!ท่านผู้อ่านทุกท่านคงจะรู้จักเวปไซต์ที่ชื่อว่า Wikipedia ที่เป็นสารานุกรมที่อนุญาตให้ใครก็ตามบนโลกสามารถเขียนข้อมูลเพิ่มเติมลงไปใช่ไหมครับ Wikileaks นี้ก็เป็นสารานุกรมเช่นเดียวกัน เพียงแต่เรื่องราวที่ถูกนำเสนอนั้นจะไม่ใช่เรื่องราวทั่วไปเหมือน Wikipedia แต่สิ่งที่ Wikileaks นำเสนอนั้นคือข้อมูลความลับของรัฐบาลหรือบริษัทโดยอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเผยแพร่ เพื่อการกล่าวหาได้ โดยไม่ถูกผลกระทบทางลบกลับจากองค์กรเหล่านั้น Wikileaks อ้างว่าการส่งข้อความต่าง ๆ นั้นจะไม่สามารถถูกติดตามได้ ไม่ว่าจากใครก็ตาม
Wikileaks ถูกก่อตั้งโดยนาย Julian Assange โปรแกรมเมอร์ชาวออสเตเรีย ผู้เป็นโฆษกของ Wikileaks หนึ่งในเหตุการณ์การเปิดโปงที่อื้อฉาวที่สุดของ Wikileaks คือกรณีที่กองทัพสหรัฐระดมยิงผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตและหนึ่งในนั้นเป็นนักข่าวรอยเตอร์ แน่นอนว่าทางรัฐบาลสหรัฐก็ไม่ได้นิ่งดูดาย และนั้นทำให้ปัจจุบัน Julian Assange ต้องลี้ภัยอยู่ที่เอกวาดอร์
“เวลานี้เป็นยุคของนักสื่อสารมวลชนและนักเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะได้เผยแพร่ข้อมูลได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ หรือไม่ต้องเซ็นเซอร์ตัวเองอีกต่อไป คุณลองนึกถึงโลกที่รัฐบาลหรือองค์กรเอกชนคอยดูแลประชาชนและพนักงานบริษัทให้อยู่กันอย่างมีความสุขสิ นั่นคือโลกที่เรากำลังสร้างให้มันเป็นจริงขึ้นมา”
โดยปกติแล้วทาง Wikileaks นั้นจะเปิดการบริจาคเพื่อหารายได้ให้กับเว็บไซต์ผ่านช่องทางต่างๆเช่น Visa, Paypal หรือการโอนเงินแบบธนาคาร แต่ในปี 2011 รัฐบาลสหรัฐได้ปิดช่องทางการบริจาค
เหล่านั้นลงทั้งหมด ทำให้ทาง Wikileaks หันมาใช้ Bitcoin ในการรับบริจาคแทนเพราะมันไม่สามารถถูกแบนได้เหมือนช่องทางอื่นๆ ซึ่งนั้นทำให้ Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า
ได้โปรดอย่านำ Bitcoin ไปใช้เลย
Bitcoin นั้นยังเล็กไม่เข้มแข็งมันยังต้องการเวลามากกว่านี้ในการที่จะทำให้มันเข้มแข็ง
ผมขอให้ทาง Wikileaks อย่าพยายามใช้ Bitcoin เลย Bitcoin นั้นยังเล็กและอ่อนแอ การรับ Bitcoin จะไม่ได้ทำให้คุณได้เงินมากมายเท่าไหร่หรอก อาจจะเป็นแค่เงินทอนเท่านั้น การที่คุณ Bitcoin ไปใช้อาจจะทำใ้ห Bitcoin ถูกทำลายก็เป็นได้ในตอนนี้
ซึ่งดูเหมือนว่าสุดท้ายนั้น Wikileaks ก็ไม่ได้ทำให้ Bitcoin ถูกทำงานลงไปและ Bitcoin ก็ได้รับการพิสูจน์ว่ามันกลายเป็นช่องทางการเงินที่ไม่อะไรมาหยุดยังหรือทำลายได้ หลังจากนั้นในปี 2017 ในช่วงที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นแรงนั้น Julian Assan ได้ออกมาทวีตขอบคุณรัฐบาลว่า
“ผมขอขอบคุณรัฐบาลสหรัฐอย่างที่สุด ทั้งวุฒิสมาชิกแมคเคนและวุฒิสมาชิกลีเบอร์แมนที่ กดดันให้ Visa, Mastercard, Paypal, AmEx, Mooneybooker, et al ที่แบนช่องทางการเงินต่างของ Wikileas ทำให้ Wikileak ต้องรับบริจาคเป็น Bitcoin และตอนนี้มันกำไรกว่า 50,000%”
My deepest thanks to the US government, Senator McCain and Senator Lieberman for pushing Visa, MasterCard, Payal, AmEx, Mooneybookers, et al, into erecting an illegal banking blockade against @WikiLeaks starting in 2010. It caused us to invest in Bitcoin — with > 50000% return. pic.twitter.com/9i8D69yxLC
— #FreeAssange! (tweets by campaign)⌛ (@JulianAssange) October 14, 2017
หลังจากนั้น Wikileak ก็ได้เพิ่มช่องทางชำระเงินด้วย Cryptocurrency อีกมากมายไม่ว่าจะ Litecoin, Zcash, Monero และแน่นอนว่ามันก็ไม่สามารถถูกบล็อคได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามความพยายามของรัฐบาลสหรัฐก็ไม่ได้สิ้นสุด ในเดือนเมษายนปี 2018 ทาง Coinbase ก็ได้แบนบัญชีของทาง Wikileaks โดยอ้างว่าพวกเขาละเมิดข้อตกลงการใช้งาน
ซึ่งทาง Wikileaks ก็ได้ออกมาตอบโต้โดยการเรียกร้องให้คว่ำบาตร Coinbase ซึ่งหลังจากนั้น Andreas M. Antonopoulos ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน Bitcoin ที่มีชื่อเสียงได้ทวีตข้อความของเขาว่า
“มันก็เข้าลูปเดิม ในตอนที่ Wikileaks ถูกแบนช่องทางชำระเงินและหันมาใช้ Bitcoin มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนมากมายหันมาสนใจใน Bitcoin แล้วตอนนี้ Coinbase ก็กำลังทำซ้ำรอยเดิมของประวัติศาสตร์”
We have come full circle. Many people’s interest in bitcoin started when Wikileaks was out under an extra judicial embargo by VISA, MC, PayPal and banks. Now Coinbase has repeated history. Oops. https://t.co/b8HQkoOwyQ
— Andreas M. Antonopoulos (@aantonop) April 21, 2018
ซึ่งแม้ปัจจุบัน Coinbase จะแบน Wikileaks แต่ก็มีช่องทางอีกมากที่ Wikileaks ยังคงรับและนำ Bitcoin ใช้สอยได้ ด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ Bitcoin ถูกพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นระบบการเงินที่ไม่สามารถถูกล้มล้างได้ไม่ว่าคุณจะเป็นถึงรัฐบาลประเทศใดก็ตาม