fbpx

ประวัติศาสตร์ Bitcoin ตอนที่ 7 Silkroad ตลาดมืดแห่งแรกที่ใช้ bitcoin

“Bitcoin ใช้สำหรับฟอกเงิน” “Bitcoin มีไว้ซื้อของผิดกฎหมาย” คุณรู้ไหมว่าทำไมประโยคเหล่านี้มีที่มาจากที่ไหน ในอดีต Bitcoin ไปใช้ในตลาดมืดแห่งนึงที่เรียกว่า Silkroad จะเป็นอย่างไรไปรับชมเลยครับ
==========================

follow blockchain review community:
telegram channel: https://buff.ly/2z99gfW
telegram group: https://buff.ly/2z99gws
twitter: https://buff.ly/2IVjQXv
website : https://buff.ly/2lZPR89
youtube : https://tinyurl.com/y9tcko3a

ประวัติศาสตร์ Bitcoin ตอนที่ 7 Silkroad ตลาดมืดแห่งแรกที่ใช้ bitcoin

13 Sep 2018

“Bitcoin ใช้สำหรับฟอกเงิน” “Bitcoin มีไว้ซื้อของผิดกฎหมาย” คุณรู้ไหมว่าทำไมประโยคเหล่านี้มีที่มาจากที่ไหน ในความเดิมตอนที่แล้วเราจะได้เล่าถึงการนำ bitcoin ไปใช้ซื้อสินค้าและบริการครั้งแรกการแลกเปลี่ยนครั้งนั้นคือพิซซ่าสองถาดที่มีมูลค่ามหาศาลในปัจจุบัน ทั้งๆที่คนที่ทำการแลกเปลี่ยนกันนั้นอยู่คนละทวีปเลยด้วยซ้ำ Bitcoin นั้นเป็นระบบการเงินที่เป็นอิสระจากระบบตัวกลางอย่างเช่นธนาคาร ทุกคนสามารถใช้มันได้โดยไม่มีอะไรขวางกั้นเพียงแค่คุณมีอินเทอร์เนตเท่านั้น และในสมัยนั้นรัฐบาลยังไม่ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับ Bitcoin เท่าไหร่นัก มีคนกลุ่มหนึ่งที่ความสามารถในการวิ่งให้เร็วกว่าคนอื่น เพื่อให้รัฐบาลไม่สามารถวิ่งไล่ตามพวกเขาได้ทัน และเขาจะทำทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้มีใครจับพวกเขาได้ และคนกลุ่มนั้นคือ “อาชญากร”

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

อาชญากรและผู้กระทำผิดนั้นเป็นคนกลุ่มแรกๆที่ใช้ประโยคจากเทคโนโลยีในการวิ่งหนีจากรัฐบาลเสมอๆ ไม่ใช่แค่เพียง Bitcoin เท่านั้นในสมัยที่อินเทอร์เนตเกิดขึ้น คนกลุ่มนี้ก็เป็นคนกลุ่มแรกๆที่รู้จักใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เนตเช่นกัน ทำให้อินเทอร์เนตในยุคแรกก็มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเช่นว่า มันเป็นแหล่งรวมสิ่งผิดกฏหมาย

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2011 ได้มีเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Silkroad ที่ถูกสร้างโดย Ross Ulbricht

โดย Silkroad นั้นเป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะคล้าย Ebay ที่ผู้ใช้งานสามารถโพสขายสินค้าของตนเองได้ เพียงแต่ว่า Concept ของ Silkroad นั้นผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนใดๆ และการซื้อขายนั้นใช้ bitcoin ในการซื้อขาย

การจะเข้าใช้งาน Silkroad ได้นั้นผู้ใช้งานต้องใช้ Browser ที่ชื่อว่า Tor ในการเข้าถึง Network ลับของ Silkroad ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถปกปิดไอพี แอตเดรส ของผู้ใช้งานได้ แนวความคิดของผู้สร้าง Silkroad นั้นคือความต้องการในการสร้างตลาด E-commerce ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างอิสระและไร้การควบคุม แต่แน่นอนแม้ว่าแนวคิดอาจจะฟังดูดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือสินค้าที่ถูกนำมาวางขายบน Silkroad นั้นเต็มไปด้วยสินค้าผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด อวัยวะ ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย ใบขับขี่ปลอม หรือทุกอย่างที่คุณไม่สามารถหาได้บนเว็ปไซต์ E-commerce ปกติ

ในเดือนมีนาคม 2013 มีสินค้าวางขายกว่า 10,000 ชนิดและมีการคาดคะเนว่ามูลค่าของการแลกเปลี่ยนสินค้าใน Silkroad อาจจะมีมูลค่าประมาณ 9,519,664 BTC ซึ่งมีมูลค่าถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยทาง Silkroad นั้นได้ค่าธรรมเนียมไปถึง  614,305 BTC ซึ่งคิดเป็น 79.8 ล้านดอลลาร์ มีผู้ซื้อกว่า 146,946 คนและมีผู้ค่ากว่า 3,877 คน

การมีตัวตนของ Silkroad นั้นสร้างความปวดหัวแก่ทาง FBI เป็นอันมากเพราะด้วย Tor นั้นทำให้ทาง FBI ไม่สามารถตรวจสอบ IP ของผู้ใช้งาน Silkroad ได้ โดยทาง FBI ได้ตรวจพบ User ที่ชื่อว่า frosty นั้นได้โพสเกี่ยวกับการเชื่อมต่อข้อมูลไปยัง Tor และนั้นเป็นเบาะแสให้ FBI สาวไปถึงตัวผู้สร้าง Silkroad และปิดตัวลงไปได้ในปี 2013 หลังจากการเข้าจับกุม Ross Ulbricht ข้อมูลผู้ค้าและด้วยช่องโหว่ของ Bitcoin ที่ Blockchain เก็บธุรกรรมไว้ทำให้ FBI สามารถสาวไปยังผู้ค่ายาเสพติดจำนวนมากและจับกุมได้

Ross Ulbricht

สุดท้าย Ross Ulbricht ก็ถูกศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตและเป็นการปิดฉาก Silkroad ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าด้วย Bitcoin ลงปัจจุบันนั้นทางมารดาของ Ross Ulbricht ได้เรียกร้องผ่าน Change.org ให้ทางศาลช่วยลดโทษให้แก่ลูกชายของเธอ

ก็จบลงไปแล้วนะครับกับ History of Bitcoin หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะเข้าใจสาเหตุที่ Bitcoin ถูกมองในแง่ลบในช่วงแรกๆ แต่อย่างไรก็ตาม Bitcoin ก็คือเทคโนโลยี มันจะใช้ในทางที่ผิดหรือทางที่ถูกก็ขึ้นอยู่กับคนใช้ เราลองนึกดูว่าถ้าวันนี้มีคนนำเงินสดไปซื้อสิ่งของผิดกฎหมาย ก็คงไม่มีใครไปนั่งด่าว่าธนาคารที่ออกธนบัตรนั้นเป็นผู้ร้ายหรอกจริงไหมครับ ทุกสิ่งมีวิธีใช้ในแบบของมันเทคโนโลยีหากใช้ให้ถูกก็จะมีประโยชน์มหาศาลเช่นกันครับ

 

Bitcoin History ประวัติศาสตร์ Bitcoin ประวัติศาสตร์ Bitcoin
Writer

Maybe You Like