มาพูดถึงเรื่องที่พูดได้ว่าคนทั่วโลกกำลังจับตา ในการเป็นช่วงที่เป็นกระแสมากก็คือเรื่องของ Libra ซึ่งเป็น Cryptocurrency ของ Facebook นั่นเองครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็ได้แปล White Paper ของ Libra ไว้เรียบร้อยแล้วนะครับก็ถ้าเกิดใครอยากรู้ว่า White Paper ของ Libra ทำงานกันยังไงเป็นภาษาไทยก็ลองไปหาดูกัน
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
Libra คืออะไร
ทีนี้ Libra คืออะไรก็ต้องขอบอกนิดนึงเลยว่าทุกคนแตกตื่นกันมากตอนที่ Facebook ประกาศว่าเขาจะทำ Cryptocurrency นะครับ ซึ่งเขาทำ Cryptocurrency ไว้ตั้งแต่นานมาแล้วนะครับ เขาวางแผนไว้นานมากแล้ววางแผนไว้บางทีตั้งแต่ 2017 เลยก็เป็นไปได้นะครับ ทีนี้คำถามว่า Libra คืออะไรนะครับ Libra ก็เป็น Cryptocurrency ครับโดยเป็น Cryptocurrency ชนิดที่ชื่อว่า Stable Coin
Stablecoin คืออะไร
แล้วคำถามที่น่าสนใจ คือ Stable Coin คืออะไรนะครับที่นี้สำหรับใครที่ไม่รู้จักคำว่า Stable Coin เนี่ยก็จะขอทำความเข้าใจ Stable coin ก่อน คือปกติ Cryptocurrency เนี่ยส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็น Cryptocurrency อย่าง bitcoin อย่าง Ethereum อย่าง Litecoin เนี่ยจะเป็น Cryptocurrency ที่มีความผันผวนไปตาม demand supply พูดง่ายๆคือมันจะผันผวนไปตามความต้องการซื้อและความต้องการขายทำให้มันมีมูลค่าขึ้นลง
ซึ่งแน่นอนว่าในการลงทุนและการขึ้นลงเนี่ย อาจจะมีประโยชน์สำหรับการเก็งกำไร แต่ว่าพอในการใช้ในโลกความเป็นจริงเนี่ยมนุษย์เราเคยชินกับอะไรที่มันไม่ได้ผันผวนเร็วขนาดนั้น bitcoin ผันผวน 10% 5% 3% 1% เนี่ยมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างรับไม่ได้ ถ้าเกิดสมมุติว่าเราจะเอาเงินนั้นมาใช้จริง ทีนี้ก็เลยมีคนสร้างแนวคิดของ Stable Coin ขึ้นมา
การนำสกุลเงินเนี่ยมาผูกกับ Cryptocurrency ก็ในเมื่อสกุลเงินของเราเป็นสิ่งที่ผู้คนยอมรับว่ามันมีความมั่นคง ถึงแม้ว่ามันจะมีความผันผวนบ้างแต่ก็มีเปอร์เซ็นต์ที่น้อย ซึ่งทีนี้ Stable Coin ในอดีตก็มีคนสร้าง Stable Coin มาเยอะแล้วอย่างที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ Tether USDT นะครับ ยังมีเหรียญอื่นๆอีกยังมี USDC ยังมี Gemini อีกนะ
Note:ถ้าเกิดสมมุติว่าคนที่รู้จักคำว่า Libra จะแปลว่ามันคือ 1 ใน 12 ราศี ที่แปลว่าราศีตาชั่ง ส่วน Gemini เป็นราศีคนคู่ ที่นี้เนี่ยสำหรับใครที่ดูเรื่อง Social Network นะครับเขาก็จะรู้ว่า มาร์คซัคเคอร์เบิร์ก จะเรียกว่าจะขโมยไอเดียก็องสองพี่น้องชื่อพี่น้อง winklevoss นะครับ ซึ่งสองพี่น้องนี้เขาก็ได้พยายามสร้าง Stable Coin ขึ้นมานะครับ โดยใช้ชื่อว่า Gemini โดยผูกค่ากับดอลลาร์ ทีนี้คราวนี้ Facebook ก็มาทำบ้างนะครับ โดยชื่อของ Libra นะครับ
Stablecoin มีประโยชน์อย่างไร
คำถามคือแล้ว Stable Coin มีประโยชน์ยังไง Stable Coin มีประโยชน์ที่มันมีมูลค่าคงที่ไม่มีความไม่ผันผวน โอนกันได้ทั่วโลก Cryptocurrency ซึ่ง Concept มันฟังดูดีครับ อย่าง Facebook ของ Libra เขาบอกเลยว่าโลกนี้มีคน Unbank ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งพูดง่ายๆคือเป็นผู้คนที่ไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ คือเราอยู่ในประเทศไทยเราอาจจะรู้สึกว่าระบบการเงินของเราดีมาก เราสามารถโอนพร้อมเพย์กันได้อย่างสะดวกสบาย แต่จริงๆในโลกเรายังมีพื้นที่อีกมากมายครับที่คนไม่สามารถเข้าถึงระบบบัญชีธนาคารได้
ในประเทศตะวันออกกลาง ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามในบางประเทศ ผู้หญิงนั้นไม่สามารถสามารถมีบัญชีธนาคารได้ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้นและนี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้คนที่ Unbank นะครับ Libra Facebook ที่สร้างเป็น Stable Coin จะมาแก้ไขในจุดนี้แต่ทีนี้
อย่างที่บอกว่าแนวคิดเรื่อง Stable Coin เนี่ยมันมีมานานแล้วเราไม่ได้พึ่งมี Stable Coin อย่าง Libra ซึ่ง Libra ก็ยังไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แต่เรามี ตีเตอร์ มี USDT มี Gemini มี USDC มีเต็มไปหมดเลยนะครับซึ่งคำถามถามว่าทำไมพวกนี้มันถึงไม่น่าสนใจเท่า Libra คำตอบคือ สเกลมันต่างกันสเกลของ ตีเตอร์ USDT Gemini เนี่ยมันมีมูลค่าไม่เทียบเมื่อเทียบกับ Libra คนละระดับเลย พูดง่ายๆเราลองมองคิดดูว่า USDT เนี่ยสามารถเทรดกันไปเทรดกันมาได้ก็จริงมันใช้ประโยชน์ได้ แต่ในความเป็นจริงแม้ว่ามันจะใช้ประโยชน์ได้แต่มันไม่สามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้
เพราะว่ามันเข้าใจยากเพราะเป็น Cryptocurrency นะครับ แล้วถ้าเกิดการมาถึงของ Libra ถ้าเกิดสมมุติว่าด้วย Facebook มีช่องทางด้วยผู้ใช้ทั่วโลกมหาศาลอยู่แล้วเนี่ย ถ้าเกิด Facebook สามารถสร้าง Stable Coin ขึ้นมาได้ แล้วได้รับการยอมรับเท่ากับว่ามันจะมีประโยชน์มากเลย แล้ว Facebook ก็จะได้เรียกว่าเป็นการกินร่วมกับของระบบงานก็ได้นะครับ
Stablecoin ที่มีข้อกังขาเรื่องความน่าเชื่อถือ
แต่ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจใน Libra คือ Stable Coin มันมีปัญหาอยู่อย่างนึง คือการที่เราจะสร้าง Stable Coin ขึ้นมาเราต้องหาสินทรัพย์อะไรสักอย่างมารองรับ Stable Coin เหมือนเวลาเราทำ Fiat Currency ซึ่ง Fiat Currency ในทุกวันนี้เนี่ยเราก็มีสินทรัพย์รองรับอยู่จำนวนหนึ่งนะครับ แล้วก็ความที่อำนาจของรัฐบาลซึ่งอย่างในกรณีของ Tether บอกว่า Tether จะหาสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์มารองรับวางไว้นะครับ ซึ่งปัญหาของ Stablecoin นั้นไม่ใช่เรื่องประสิทธิภาพ แต่ปัญหาคือความน่าเชื่อถือว่าใครเป็นคนเก็บเงินสำรองที่รองรับมูลค่าของมันไว้ ซึ่ง USDT มีปัญหานี้ตลอดครับ USDT ได้จ้างบริษัท Audit มามากมายมาตรวจสอบบริษัทตนเองแต่ก็ส่วนใหญ่ผลตอบรับที่ออกมาก็ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่า USDT Audit อย่างถูกต้อง เพราะว่าคนก็ยังเห็นบริษัท Tether ทำการ เสกเหรียญๆๆ ออกมาเรื่อยๆนะครับ และด้วยการที่บริษัท Audit นั้นมีเพียงบริษัทเดียวที่เขามาตรวจสอบ
Libra Association ความน่าเชื่อถือของ Libra
ซึ่งเราต้องเข้าใจว่าทุกวันนี้เนี่ยที่ระบบธนาคารกลางเขาสามารถสร้างสกุลเงินขึ้นมาได้ เพราะว่าเขามีความเชื่อใจสูงมากธนาคารใช้เวลาเป็นร้อยๆปี ใช้อำนาจอธิปไตย ใช้ทั้งรัฐบาล ใช้อำนาจทางการทหาร ใช้หลักเศรษฐกิจของประเทศ ในการสร้างความเชื่อถือแล้วถ้าเกิด Facebook จะสร้าง Cryptocurrency ที่เป็น Stable Coin ขึ้นมาจะมีปัญหาอย่าง USDT แล้ว Facebook จะใช้วิธีไหนนะครับ Facebook ได้ให้คำตอบกับเรามาว่า Facebook สร้างความน่าเชื่อถือโดยการสร้างสมาคมนะครับที่ชื่อว่า Libra Associations ที่เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (หรือเปล่าก็ไม่รู้) โดย Libra Associations จะประกอบด้วยธุรกิจต่างๆมากมาย ทั้ง Visa PayPal Spotify EBay ด้จะเห็นได้ว่าคล้ายๆกับว่า Facebook หรือ Libra พยายามดึงบริษัทต่างๆเข้ามาสร้างเป็นสมาคมกัน เพื่อร่วมกันดูแล Libra โดย White Paper บอกว่าภายในปี 2020 จะรวบรวมองค์กรให้ถึง 100 องค์กรโดยในตอนแรกเนี่ย Facebook จะเป็นผู้นำในตอนแรกและ โดยใน White Paper เขียนไว้ว่าเขาต้องการให้สมาคมนี้มีความเป็นกลาง หรือ Facebook จะไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาด ที่นี้คำถามถามว่าสมาคมนี้บริหารยังไง
การบริหารงานของ Libra Association
สมาคม Libra เป็นสมาคมที่บริหาร Reserve ที่เอาไว้รองรับกับเหรียญ Libra โดยวิธีการหลักในการบริหารนี้จะเป็นระบบคล้ายๆกับ The DAO ซึ่งผู้ถือเหรียญสามารถมีสิทธ์โหวตการเปลี่ยนแปลงได้ โดย Facebook ก็จะใช้วิธีเดียวกัน โดย Libra จะมีเหรียญ 2 แบบประเภทโหวตได้โหวตไม่ได้การที่คุณจะเข้าร่วมกับ Libra ได้แอด Libra Associations นั้นบริษัทที่จะเข้าร่วมจะต้องมีเงิน 10 ล้าน Libra จะมีคุณสมบัติที่สามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมากๆ และสามารถส่งธุรกรรมได้รวดเร็ว ด้วยวิธีการนี้ด้วยคุณสมบัติของ Libra ที่จะสร้างรูปแบบนี้ให้มีมูลค่าคงที่ด้วย Libra จะใช้ Blockchain ประเภท Private Blockchain โดยใน White paper กล่าวว่าทางสมาคมจะพยายามทำให้ระบบกลายเป็น Public Blockchain ในอนาคต แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน Public bloackchain นั้นไม่มีประสิทธิภาพที่มากพอ จึงใช้ Private Blockchain ไปก่อนนะครับ
Libra ทำการ Reserve ไม่ใช่ Peg
Libra Associations นั้นเป็นผู้บริหาร reserveใช้ในการสร้างเหรียญ Libra โดยคำว่า Reserve เนี่ยมันมีข้อแตกต่างกับ Peg ที่ USDT ใช้ การ Peg หมายความว่าเขาต้องมีอะไรก็ตามที่มีมูลค่าเท่ากันแบบ 1:1 แต่ว่า Libra ใช้ระบบ Reserve ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นสินทรัพย์ที่รองรับอาจจะมีมูลค่ามูลค่าใกล้เคียงอาจจะไม่เท่ากับ Libra ที่ทำการสร้างออกมา การใช้ระบบ Reserve มันหมายความว่า Libra สามารถอำนาจหรือสิ่งอื่นๆที่ ทำให้ Libra มีความน่าเชื่อใจและเสกเหรียญออกมาได้
ถ้า Libra ระบบ Peg การสร้าง Libra มูลค่า 100 ดอลลาร์ Libra Association จะต้องมีเงิน 100 ดอลลาร์ แต่ Libra กลับใช้คำว่า Reserve ที่ Libra อาจจะไม่ต้องมี 100 ดอลลาร์ อาจจะมี 90 ดอลลาร์ ก็ได้แล้วคุณเอาสินทรัพย์อื่นๆที่มีมูลค่าไม่คงที่ อย่างกองทุน หรือแม้แต่ใช้ความเชื่อใจใน Libra Association ก็ได้ โดยสินทรัพย์ที่ Libra ใช้ Reserve คือกองทุนนะและระบบ Basket of Currency หรือคือตะกร้าของสกุลเงินซึ่งประกอบด้วย ดอลลาร์ เยน ปอนด์ และยูโร
ระบบ Reserve เป็นระบบที่ใกล้เคียงกับระบบ Fiat Currency ในทุกวันนี้ ทุกวันนี้ Fiat Currency ถูกผลิตโดยการใช้ความเชื่อใจของที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล รัฐบาลอาจจะมีเงินก็มีสินทรัพย์ค้ำประกันก็จริงแต่ก็มีอำนาจอธิปไตยค้ำประกันด้วย ซึ่งการที่ Libra บอกว่าเขาจะใช้ Reserve ก็แปล Libra จะใช้ความเชื่อใจใน Libra Association ในการผลิตเงินซึ่งแน่นอนมีสินทรัพย์อยู่ใน Reserve อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่สัดส่วนมากน้อยเท่าไหร่ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศออกมา
Fiat on Fiat
ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือมันจะกลายเป็นรูปแบบของ Fiat on Fiat ปกติโลกเราเป็น Fiat Currency ผลิตเงินขึ้นมาตามอำนาจของรัฐบาลเงินมีความผันผวนตามอำนาจของรัฐบาลแล้ว Libra กำลังจะเอา Fiat มาสร้าง Currency ข้างบนอีกแล้วครับ ซึ่งต้องมีความเสี่ยง Libra กล่าวว่าสมาคม Libra จะทำการบริหาร Reserve ตัวนี้ ซึ่งเป็นกองทุนสำรองนี้จะถูกใช้ในการลงทุนความเสี่ยงต่ำในพันธบัตรรัฐบาล หรือ สินทรัพย์ใดก็ตามที่มีความเสี่ยงต่ำโดยกำไรเนี่ยจะเข้าสมาคมแบบ 100% นั้นหมายความว่า การซื้อเหรียญ Libra นะครับเงินเข้าสมาคมไปบริหารเงิน แล้วกำไรที่สมาคมได้ก็จะเข้าสมาคมเอง การถือ Libra ผู้ถือจะไม่ได้รับดอกเบี้ยใดๆ
สมาคม Libra จะเป็นผู้ที่มีสิทธ์สร้างเหรียญและเผาเหรียญทิ้งนะครับ ในภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า Mint แล้วก็ Burn ทุกครั้งที่ Authen Dealer หรือว่าคู่ค้าที่ได้รับใบอนุญาตจาก Libra ทำการซื้อเข้ามาเหรียญจะถูกเสกขึ้นมา และเมื่อคู่ค้าคนนี้ขายเหรียญเปลี่ยนโดยเปลี่ยนเป็นเงิน Libra ก็จะถูกเผาไปซึ่งตรงนี้ใน White paper บอกไว้แค่นี้นะครับ แต่ไม่ได้บอกว่า Authentication Dealer Authen Dealer จะเป็นใครนะครับ
Calibra & Libra Blockchain
Libra เนี่ยจะสร้างอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาซึ่งเรียกว่าเป็น Wallet Calibra ซึ่ง Libra เป็นตัว Blockchain นะครับ โดยใน White Paper เขาเขียนว่าระบบโครงสร้างข้อมูลของ Libra เนี่ยจะไม่เหมือน Blockchain มันจะเป็นฐานข้อมูลที่เป็นเหมือน Record ธรรมดาไม่มีการเชื่อมโยงกันเป็นเหมือน Blockchain ทั่วไป Libra เนี่ยสร้าง Blockchain ขึ้นมาแล้ว Blockchain ที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่จะสร้าง Wallet ขึ้นมาตัวนึงเพื่อเชื่อมกับ Libra ตัวนี้นะครับ โดย Wallet ตัวนั้นชื่อว่า Calibra ซึ่งตรงนี้มันค่อนข้างน่าสนใจว่ามันจะเป็นยังไงต่อ
เพราะว่าใน White Paper เขียนไว้ว่า Data ของ Libra อาจจะไม่เชื่อมโยงกับ Data ของ Facebook นั่นก็หมายความว่าคนที่ใช้ Libra Blockchain จะไม่มีข้อมูลเชื่อมโยงใดๆกับ Facebook นะ แต่การที่ Facebook สร้าง Calibra Wallet ขึ้นมาเท่ากับว่าการใช้านอาจจะต้องมีการ KYC มันต้องมีการเชื่อมโยงละ Facebook จะขโมยข้อมูลของเราหรือเปล่าแม้ว่า Libra จะอนุญาติให้ผู้คนสร้าง App ต่างๆบน Libra แต่ Calibra เดียวอาจจะเป็นตัวที่ดังที่สุดแล้วเชื่อมกับ Facebook ทำให้ Facebook อาจจะได้ข้อมูลจำนวนมากก็ได้
วิเคราะห์ปัญหาของ Libra ประเด็นที่ 1 Libra Association น่าเชื่อถือหรือไม่
คำถามคือมันจะเป็นไปได้ไหมกับการสร้าง Libra นะครับประเด็นแรกที่น่าสนใจที่สุดคือความน่าเชื่อถือของ Libra อย่างที่ผมบอกไปว่าปกติระบบสกุลเงินของโลกของเราที่เป็น Fiat เนี่ยการ Issue สกุลเงินของเราเนี่ยมันขึ้นกับความน่าเชื่อถือของรัฐบาล สมมุติประเทศไทยจริงๆประเทศไทยอาจจะมี Reserve อยู่จำนวนหนึ่ง แต่ประเทศไทยก็ใช้อำนาจอธิปไตยเราก็ความน่าเชื่อถือของประเทศในการสร้างจำนวนเงินขึ้นมาด้วย ซึ่งประเทศไทยจริงๆเขาก็สามารถสร้างเงินเกินกว่า Reserve ที่มีอยู่ได้นะครับเพราะเราไม่ได้ใช้ Gold Standard แล้ว ทีนี้เนี่ยบางทีพอเราสร้างเงินเกินขึ้นมาก็เท่ากับว่าถ้าประเทศมีความน่าเชื่อถือ ระบบอัตราเงินเฟ้อก็จะต่ำเพราะคนยังเชื่อถือในรัฐบาลอยู่นะ
เท่ากับว่า Libra เนี่ย มันจะมีความน่าเชื่อถือไหม มันก็ขึ้นอยู่กับการบริหารงานของสมาคม Reserve เนี่ยมันจะเชื่อถือได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับสมาคมนี้บริหารเลยใน White Paper บอกว่าการบริหารสินทรัพย์ที่เป็น Reserve จะมี Custody เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ที่ได้รับการรับรองจากระดับโลก แล้วก็มีการกระจายสินทรัพย์เก็บในหลายๆที่ สิ่งที่น่าสนใจคือตอนนี้ที่ประกาศมา Libra บอกว่าใน Basket of Currency นี้จะมี ดอลลาร์ เยน ปอนด์ ยูโรปัจจุบันมีแค่ 4 สกุล แต่ในเมื่อ Libra อยากจะเป็นสกุลเงินของโลกตะกร้า Basket ของ Libra ควรจะมีเงินสกุลเยอะกว่านี้หรือเปล่า
ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ Libra ไม่ได้ใส่อีก 2 สกุลเงินที่มีอำนาจของโลกไปด้วยนั่นก็คือ รูเบิ้ล กับ หยวนจีน นั่นก็ นั่นก็หมายความว่า Libra จะเป็นสมาคมที่อำนาจไม่ขึ้นอยู่กับสกุลเงิน 2 สกุลเงินนี้
คำถามต่อไปคือ Libra Libra Association จะน่าเชื่อถือแค่ไหน ในโลก Fiat Currency เนี่ยในระบบหลังจากที่ล้มเลิกระบบ Gold Standard มาเนี่ย รัฐบาลและธนาคารของโลกรวยได้ด้วยการผลิตเงิน ในยุคสมัยของ Gold Standard ต้องมีทองถึงจะผลิตเงินได้ แต่พอเศรษฐกิจล้มลงหลัง Gold Standard เงินหมุนเวียนไม่พอใช้ก็เลยเอาอำนาจค้ำประกันแทน การที่เอาอำนาจมาค้ำประกันแทนเนี่ยเมื่อเกิดการบริหารงานที่ไม่ดีสกุลเงินจะเสื่อมมูลค่า หรือเกิดภาวะระบบเงินเฟ้อ อย่างรุนแนง อย่าง เวเนซุเอลา กับซิมบับเว ที่รัฐบาลไม่มีความเชื่อถือ
ซึ่ง Libra ของ Facebook แก้ปัญหานี้ด้วยการใช้สมาคม ซึ่งจะเกิดการรวมตัวจากหลายๆบริษัท ทำให้มันอาจจะดูน่าเชื่อถือกว่าธนาคารที่ใดที่หนึ่งแห่งเดียว อีกอย่างคือว่า Libra ต้องได้รับจะมีค่าได้จาก Libra association แต่ bitcoin ไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางใดๆ bitcoin ก็มีมูลค่าน่าเชื่อถือขึ้นมาได้
วิเคราะห์ปัญหาของ Libra ประเด็นที่ 2 การต่อสู้กับผู้ออกกฎหมายทั่วโลก
ประเด็นต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากนั่นคือ Libra กำลังแหย่ผู้มีอำนาจทั่วโลก ๆสิ่งที่ Libra ทำตอนนี้คือคล้ายกับว่าFacebook ออกมามากระทืบเท้าว่าธนาคารแบบเดิมมันไม่ดี มาสร้างธนาคารแบบใหม่แล้วมีบริษัทไหนร่วมด้วยบ้าง 20 องค์กรแรกของ Libra นั้นไม่มีธนาคารหรือไม่มีธนาคารเข้ามาเกี่ยวข้อง Facebook พยายามสร้างธนาคารใหม่ที่ดีขึ้นโดยที่ไม่ยึดติดกับธนาคารแบบเก่าๆ มันดีถ้ามองในรูปแบบของผู้บริโภคการที่ Libra เกิดขึ้นมาใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย จะมีผลทำให้คนที่ Unbanked เนี่ยเข้าถึงระบบการเงินได้ง่ายขึ้น
แต่คำถามคือ Regulator ทั่วโลกจะยอมไหม ซึ่ง 2 อาทิตย์นะครับหลังจาก Libra ออกมาซึ่งมีข่าวมากมาย รัสเซียบอกว่าไม่เอา Libra ธนาคารอเมริกาบอกว่าชะลอเอาไว้ก่อนได้ไหม ยูโรบอกว่าไม่ค่อยน่าสนใจ ประเทศไทยก็มีท่าทีเข้ามาเหมือนกันว่ากลัวว่าจะเป็นการฟอกเงิน จริงๆแล้วปัญหาของ Cryptocurrency กับการฟอกเงินก็มีปัญหามาตลอด แต่ทำไม Libra ถึงน่ากลัวขนาดนั้น เพราะ bitcoin มันไม่มีตัวกลางไม่มี Head Quater แต่ Libra เนี่ยกลายเป็นว่ามันมีสมาคม Libra ถึงแม้จะตั้งอยู่สวิตเซอร์แลนด์แต่เท่ากับว่ามันก็มีที่อยู่
แม้ Libra จะเป็นสมาคมก็ตามแต่ว่าผู้นำก็คือ Facebook ซึ่งถ้าเกิดสมมุติ Libra ขัดใจผู้ใช้อำนาจมากๆ ผู้ใช้อำนาจอาจจะไม่เล่นงาน Libra ก็ได้ แต่ไปเล่นงานบริษัทที่อยู่ในเครือ Libra ต่างๆ หรือเล่นงาน Facebook ก็ได้ เพราะ Facebook เขาก็มี Product อยู่แล้ว Facebook เขาคงไม่ยอมให้เหมือนกับว่า Product หลักถูกโจมตีนะครับซึ่งแล้วนี่เป็นจุดอ่อนนะครับ การมีสมาคม Libra เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน การมีสมาคมทำให้รู้สึกว่ามันน่าเชื่อถือมากกว่าองค์กรองค์กรเดียว แต่ว่ามันก็เป็นจุดอ่อนในเวลาเดียวกันว่ามันจะเชื่อถือได้แค่ไหน แล้วมันจะไม่โดนรัฐบาลสั่งปิด มันจะไม่โดนใครทุบทิ้งหรือเปล่า ถ้าเกิดสมมุติว่า Libra ได้รับความนิยมทุกคนใช้ Libra ในการซื้อขาย ที่นี่เนี่ยก็เท่ากับว่าโลกของเราผู้เก็บภาษีทั่วโลกจะมาขอข้อมูลจาก Libra ซึ่ง Libra เป็นเจ้าของข้อมูลว่าใครมีการใช้เงินเท่าไหร่ มีการเก็บภาษียังไงเท่ากับว่ารัฐบาลโลกต้องมีการปรับตัวในจุดนี้
วิเคราะห์ปัญหาของ Libra ประเด็นที่ 3 ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
ประเด็นข้อที่ 3 คือความเป็นส่วนตัวของ Libra มันจะดีไหม ถ้าเราเทียบกับ Cryptocurrency ที่ไม่มีตัวกลางแน่นอน Libra แย่กว่า แต่ใน White Paper เขียนว่าข้อมูลของ Libra จะเป็น psudonymous นะครับ ซึ่งสามารถเปิดบัญชีได้โดยใช้นามแฝง เท่ากับว่า Libra เจะให้ความปกปิดในการใช้งาน แต่ Calibra ไม่ได้เป็นอย่างนั้น Libra Blockchain อาจจะปกปิดข้อมูลส่วนตัวได้ แต่พอไปเชื่อมต่อกับ App ข้างนอกกลายเป็นว่าต้องมีการยืนยัน KYC ตัวตนทั้งหมดและแม้ว่าข้อมูลทางการเงินจะไม่เชื่อมกับข้อมูล Social แต่ด้วยบริษัทอื่นๆที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งนั้นก็มีข้อมูลมากพอที่จะสามารถเชื่อมข้อมูลเหล่านี้เข้าหากันได้
แล้วขอ้มูลที่เราส่งไปจะปลอดภัยแค่ไหนนะครับ ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่า Facebook มีปัญหาในช่วง 2 ปีก่อนที่มีว่ามีคนเอาข้อมูล Facebook ไปใช้ในการเลือกตั้ง ทำให้ Facebook มีข้อครหาพอสมควรอยู่พอสมควร แม้มีคนจำนวนมากบนโลกจำนวนมากบนโลกที่ไม่ค่อยสนใจเรื่อง Censorship เท่าไหร่ แม้ว่าเราจะมี Cryptocurrency ที่มีความเป็น Censorship แต่อย่าลืมว่า Facebook มีช่องทางการตลาดทั่วโลก คนเรามักจะใช้อะไรที่ง่ายโดยที่แบบไม่สนใจอาจจะมีคนสนใจบ้างแต่ก็ไม่เป็นคนส่วนใหญ่
สรุปผลที่ตามมา
ทีนี้เรามาลองว่าถ้าเกิดสมมุติ Libra ประสบความสำเร็จดีกว่า ถ้า Libra ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งจริงไม่ต้องให้ใช้ทั่วโลกก็ได้ใช้แค่ในบางประเทศ ซึ่งก็เท่ากับว่าเราไม่ต้องอ้างอิงสกุลเงินสกุลเดิมบนโลกอีกต่อไป Libra อาจจะเป็นสกุลเงินทางเลือกของโลกอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้คนทั่วโลกที่อันแบงค์เข้าถึงระบบการเงินได้
ถ้าเกิดเราลอง คิดว่าถ้าเกิด Calibra เก็บข้อมูลการใช้งานของคนทั่วโลก คนทั่วโลกมี Wireless Calibra เก็บข้อมูล Facebook จะเข้ามาได้ Data ขนาดที่ว่ารู้ว่าแต่ละคนมีกำลังซื้อเท่าไหร่ แล้วและสามารถยิงโฆษณาได้อย่างถูกต้องและในแง่ของผู้บริโภค Facebook แล้วผู้บริโภคก็ยินดีจะจ่ายโฆษณาเพื่อจะได้ยิงโฆษณาอย่างถูกต้อง Facebook จะกินรวบตลาดใหญ่มากๆ
ถ้าเกิดปลายทางอุดมคติของ Libra จะไม่มีธนาคารเลยแต่ว่าในก่อนที่จะไปในจุดที่จะไปถึงอุดมคติตรงนั้นธนาคารจะยังอยู่ เพราะว่า Libra มันจะต้องรองรับด้วย สกุลเงินหลักใช่ไหมครับ แต่ว่าผู้ที่ทำ Payment Gateway ตัวอื่นๆอย่างง True wallet อย่าง PayPal หรือแม้แต่ Blockchain ตัวอื่นๆเขาบอกว่าเขาจะมาแก้ปัญหาเรื่องการโอนเงิน อาจจะถูก disrupt ทั้งหมดก็ได้
Project Blockchain พยายามจะแก้ปัญหาธุรกรรมพูดได้ว่าเป็นพัน Project เลยแต่สิ่งที่เขาขาดไปอย่างเดียวคือตลาดนะครับซึ่ง Facebook มีตลาดพอพร้อมอยู่แล้ว User Facebook ทั่วโลกพร้อมใช้งานแน่นอนนะครับ และเข้าถึงง่ายมากและนั่นเท่ากับว่า คนเราเนี่ยจะสามารถโอนสินทรัพย์ไปที่ไหนก็ได้บนโลก
ซึ่งมีความน่าสนใจอยู่อย่างนึงนะครับว่า Libra อาจจะทำให้คนเรามีสิทธิ์เลือกในการเลือกใช้สินทรัพย์อย่างหนึ่ง ตอนที่คุณอยู่ประเทศไทยคุณก็ต้องใช้สกุลเงินบาทในการที่จะใช้จ่ายขึ้นมา แต่ถ้าเกิด Libra เกิดขึ้นคุณอาจจะใช้ซื้อของในไทยแต่ด้วยหน่วยสกุลเงินดอลลาร์ หรือ หน่วยสกุลเงินอื่นก็เป็นไปได้
สิ่งหนึ่งที่สนใจกว่ในระยะสั้นนะครับ ความประสบความสำเร็จของ Libra จะเป็นสิ่งที่ชี้นำตลาด Cryptocurrency แน่นอนนะถ้าเกิดคนทั่วโลกมี Calibra Wallet นะครับ คนทั่วโลกที่ใช้ Facebook เนี่ยจะถูกสอนจาก Facebook ให้ใช้ Wallet ของ Cryptocurrency เป็น ตอนแรกผู้ใช้งานอาจจะรู้จัก Libra แต่อีกไม่นานเขาก็จะรู้จัก bitcoin รู้จัก Ethereum รู้จักสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆอีกมากมาย ผู้คนจะรู้ว่าบนโลกนี้มันมีตัวเลือกให้กับเขา
ซึ่งคนที่รู้ว่าโลกนี้มีตัวเลือกแล้วแล้วเขาได้ทดลองตัวเลือกที่ดีกว่า เขาอาจจะไม่ไปใช้ในระบบรูปแบบเดิมๆหรือ ถ้าพูดง่ายๆคุณลองคิดดูถ้าใครเคยใช้ E- Banking ในเมื่อคุณใช้ E – Banking แล้วคุณจะเดินไปที่ ATM แล้วเสียบ ATM แล้วกดโอนเงินไหมมันคงไม่ หรือลองคิดดูว่าถ้าเกิดมีคนเอา Libra ไปใช้ฟอกเงินสมมุติว่า Wallet ของคนคนนั้นถูก อายัด นะครับ ผู้คนก็จะรู้สึกว่า Libra ไม่ปลอดภัยแล้วเขาก็จะเริ่มสนใจในสิ่งที่ปลอดภัยกว่าอย่าง Cryptocurrency สกุลอื่นและนี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้ Drive ตลาด Cryptocurrency ไปสู่ผมคิดว่าอาจจะไปสู่ New High เลยก็ได้นะครับ