อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าปัจจุบันก็ไม่มีใครทราบว่า Satoshi Nakamoto นั้นเป็นใครเขาเป็นแค่คน ๆ เดียวหรือคนกลุ่มหนึ่งกันแน่ แต่การไม่เปิดเผยตัวตนของเขาก็ทำให้ระบบของ Bitcoin นั้นปราศจากผู้ชี้นำในระบบของ Bitcoin
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!ในวันที่ 31 ตุลาคม 2008 White paper ของ Bitcoin ได้ถูกเผยแพร่ผ่านเวปไซต์ metzdowd.com แต่อย่างไรก็ตามโดเมนของเวปไซต์ Bitcoin.org ได้ถูกจดทะเบียนในวันที่ 18 สิงหาคม 2008 ผ่านเวปไซต์ anonymousspeech.com ที่อนุญาติให้จดโดเมนโดยไม่ต้องระบุตัวตนได้ ทำให้เราก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จดโดเมน อย่างไรก็ตามใน White paper ของ Bitcoin นั้นได้มีการกล่าวถึงงานวิจัยชิ้นอื่นๆอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือ Hashcash ที่ถูกคิดค้นโดย Hal Finney หนึ่งในสมาชิกของ Cypherpunk และเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าเป็น Satoshi Nakamoto ตัวจริง
แม้ Satoshi เผยแพร่ White paper ของ Bitcoin ไปแล้วแต่ตัว Bitcoin นั้นก็ยังไม่ได้ถูกใช้งานทันที มันยังเป็นแค่ Project ที่อยู่ในช่วงการพัฒนา ซึ่ง Satoshi ได้อัพโหลด Source code ของ Bitcoin ขึ้นไปบน sourceforge.net ในเดือนพฤศจิกายนปี 2008 เพื่อให้ Bitcoin กลายเป็น Open source ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ และเขายังได้สร้างฟอรั่มของ Bitcoin แห่งแรกขึ้นมาบน Sourceforce ก่อนจะย้ายไปยัง Bitcointalk ที่เป็นคอมมูนิตี้ของ Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในภายหลัง
ในวันที่ 3 มกราคมปี 2009 , Genesis block ของ Bitcoin ได้ถูกขุดขึ้นมาซึ่งมันมีมูลค่า 50 BTC ซึ่งเป็นการเริ่มต้นระบบ Bitcoin ที่ในปัจจุบันเป็นเงินดิจิทัลที่มีค่ามากที่สุดในโลก โดยคาดว่าคนที่ขุดนั้นก็คือตัวนาย Satoshi Nakamoto นั้นเองโดยใน block แรกนั้นได้มีข้อความแฝงที่ Saotshi แอบใส่ไปโดยเข้ารหัสไว้โดยมีเนื้อความว่า
“The Times 03/Jan/2009 Chancellor on brink of second bailout for banks”
เนื้อความดังกล่าวคือพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ Time ในประเทศอังกฤษโดยเนื้อหาคือ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกำลังจะผลิตเงินเพิ่มเข้าไปในระบบเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติซัพไพรม์จากอเมริกาในปี 2008 การผลิตเงินเพิ่มให้กับระบบนั้นจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ โดยปกติแล้วภาวะเงินเฟ้อที่ไม่มากไปจะทำให้เศรษฐกิจไฟลเวียนดี แต่การผลิตเงินจำนวนมากจะทำให้ประชาชนรับภาษีเพิ่มและหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้น การแฝงข้อความนี้เป็นการประชดประชันระบบตัวกลางที่ทำงานล้มเหลวและก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจไปทั่วโลก
ในวันที่ 9 มกราคม 2009 ซอฟต์แวร์ของ Bitcoin เวอร์ชั่น 0.1 ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกพัฒนาจากคนมากกว่า 1 คน การโอน Bitcoin ครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 12 มกราคม 2009 ใน Block ที่ 170 ซึ่งเป็นการโอนจาก Satoshi ไปให้กับ Hal Finney ทำให้ Hal Finney ถูกสงสัยว่าเป็น Satoshi ตัวจริงว่าเขานั้นโอนเงินให้กับตัวเอง เป็นการพิสูจน์ว่าระบบการเงินใน Bitcoin นั้นเป็นสิ่งที่สามารถใช้งานได้
อย่างไรก็ตามในตอนนั้น Bitcoin ก็เป็นเพียงแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งในหมู่ Geek หรือ Developer ที่พูดถึงว่าในอนาคตมันจะเป็นอย่างไรบ้าง มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่มันยังไม่ได้มีค่าอะไรใดๆทั้งสิ้น ประเด็นที่พูดว่า Bitcoin จะมีมูลค่าได้อย่างไรก็เป็นหนึ่งในข้อสงสัยที่ต้องรอคำตอบจากผู้ใช้งานจนในวันที่ 5 ตุลาคม 2009 เว็ปไซต์ new liberty standard ได้เขียนแนวคิดของมูลค่าของ Bitcoin ขึ้นมาโดยอ้างอิงกับกำลังไฟที่ CPU ใช้ในการขุด Bitcoin โดยในขณะนั้น 1$ มีค่าเท่ากับ 1,309 BTC หรือประมาณ 0.07 เซนต์ต่อ 1 BTC
และ Exchange แห่งแรกก็ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2010 ที่ชื่อว่า dwdollar ซึ่งเป็น Exchange ที่สามารถซื้อ Bitcoin ด้วยเงินดอลลาร์ผ่าน Paypal และเป็นครั้งแรกที่ Bitcoin นั้นมีมูลค่าจากโลกแห่งความเป็นจริงเชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล
จบลงไปแล้วนะครับกับ History of bitcoin ตอนที่ 4 หวังว่าทุกท่านจะได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นของ Bitcoin ในช่วงเริ่มต้นแล้วตอนหน้าเรามาพูดคุยกันถึงเหตุการณ์พิซซ่า Papa John’s 2 ถาดที่แพงที่สุดในโลกกันครับ