โลกคริปโตเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพียงไม่กี่ตัวบนโลก ที่มีศักยภาพในการแกว่งของราคาที่รุนแรงแบบไร้เพดาน หากเป็นตลาดหุ้นไทยก็จะมีเพดานกำกับที่30% ซึ่งคนไทยจะรู้จักในชื่อ Ceiling&Floor การแกว่งของราคาคริปโตนั้นมีตั้งแต่หลักหน่วยจนถึงหลักร้อย หลักพัน ที่สำคัญคือตลาดแห่งนี้เปิดแบบ 24/7 หมายถึงเปิด7วันใน1สัปดาห์ และเปิด24ชั่วโมงต่อ1วัน พูดง่ายๆก็คือตลาดแห่งนี้เปิดตลอดเวลา ยกเว้นแต่เซิร์ฟล่มนะ อันนี้ถือว่าปิดซ่อมบำรุงละกัน
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!พฤติกรรม Search for Yield เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลกยุคปัจจุบัน เนื่องด้วยคนยุคใหม่ทำงานประจำมากขึ้น ทำธุรกิจส่วนตัว แต่มีน้อยรายที่จะขยายไปสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนมากจะจบลงที่หาเงินให้ได้ แล้วนำเงินไปลงทุนต่อ ทั้งพนักงานประจำ และนักธุรกิจขนาดเล็กส่วนมากเป็นเช่นนี้ และเมื่อตลาดหุ้นที่ผ่านมา ขึ้นมาเยอะมากแล้ว ทำให้ยากที่จะหากำไร ดังนั้นจึงมีคนหัวใหม่ กล้าลอง กลุ่มนึงตบเท้าเข้ามาสู่ตลาดคริปโต เพราะหวังว่า การเติบโตจะทำได้ดีกว่าหุ้น ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริง เพราะการแกว่งของราคา หากซื้อหรือขายถูกจังหวะ ก็สามารถทำกำไรจำนวนมากได้
แต่ที่ต้องแลกมาคือ ความเสี่ยงอันมหาศาล นักเทรดทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ในตลาดคริปโตต่างรู้กันดีว่า ตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ปั่นราคา และหลอกลวง ทำให้ต้องใช้สติค่อนข้างมากในการเทรด หากเทรดซื้อขายแล้วใส่ทศนิยมผิด การเทรดของคุณก็เรียกคืนไม่ได้ หากเป็นการเทรดใน Exchange เหรียญยังไม่หายไปไหน นักลงทุนบางท่านคงคิดว่าอาจจะขอย้อนคืนธุรกรรมได้ แต่ต้องบอกเลยว่า Exchange ไม่ทำอย่างนั้นให้คุณแน่นอน นอกจากการใส่ทศนิยมที่ผิดแล้ว การโอนเงินก็สำคัญไม่แพ้กัน ครั้งนึงเพื่อนผมซึ่งเรียนอยู่เตรียมทหาร อยากเข้ามาเทรดบ้าง เลยลองเปิดบัญชีเว็บเทรด BX จากนั้นก็ซื้อ Bitcoin แล้วโอนมันไปยังอีกเว็บนึง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เพื่อนเป็นนักเทรดมือใหม่ ทั้งยังความสามารถด้านคอมที่ต่ำ ทำให้ Bitcoin ที่เพื่อนผมโอนออก โดนโจรกรรมไป สาเหตุก็คือคอมติดไวรัสอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อทำการก็อปปี้ตัวอักษรที่มีแพทเทิร์นคล้ายแอดเดรสของบิทคอยน์ ก็จะโดนไวรัสตัวนี้สับเปลี่ยน ทำให้โอนไปยังกระเป๋าคนร้าย แทนที่จะเป็นกระเป๋าปลายทางของเรา
พฤติกรรม Search for Yield น่ากลัวขนาดไหน
พฤติกรรมนี้ทำให้คนกล้าเสี่ยงมากขึ้น พร้อมเสียเงินมากขึ้น ที่น่ากลัวคือ มันอาจพัฒนานิสัยหรือแนวคิดของนักเทรดคนนึง จากนักเทรดปกติ จะกลายเป็นนักพนันได้เลย การซื้อ Bitcoin และสกุลเงินคริปโตปัจจุบันยังเต็มที่ด้วยความไม่แน่นอน เพราะเราไม่รู้ว่า ใครกันแน่ที่จะเป็นผู้ชนะที่แท้จริงในอนาคคต ดังนั้นนักลงทุนบางส่วนที่มองการณ์ไกลและหวังเล่นแบบเน้นคุณค่า จะกระจายพอร์ทการลงทุนในกลุ่มพวก20ตัวแรกของตลาดคริปโต
การระดมทุนดิจิทัลปัจจัยแห่ง Search for Yield
การระดมทุนดิจิทัล หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ICO(Initial Coin Offering) ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็น STO(Security Token Offering) ETO (Exchange Token Offering) และการระดมทุนเหล่านี้ ก็นำมาซ่งโปรเจคที่หวังยอดระดมทุน เพราะการระดมทุนยุคแรกนั้นได้เงินน้อย แต่กลับมาทำกำไรมหาศาลทีหลัง ทำให้นักเทรดเริ่มเกิดความรังเร หลายคนเข้าร่วมสมรภูมินี้ด้วย เพื่อหากำไรจาก ICO ที่มหาศาลมาก
ดังนั้นเมื่อมันกลายเป็นกระแส ทำให้เกิดสิ่งที่น่ากลัวขึ้น นั่นก็คือ การระดมทุนแบบมหาศาล ที่นักระดมทุนส่วนมากไม่ได้ต้องการดูผลงาน แต่จะดู Whitepaper ที่ดี จากนั้นเอาไปประโคมข่าวต่อว่า มันดียังไง ให้คนมาซื้อเยอะๆ จากนั้นเค้าก็ขายเหรียญของเราออกไป ภายหลังโปรเจคที่ีระดมทุนไป ส่วนมาก เกืบอทั้งหมดล้มหายตายจากไป บางโปรเจคปิดแบบบอกลูกค้าและซื้อเหรียญคืนบ้าง แต่ส่วนมากนั้น “ท่าดีทีเหลว” เพราะต้องการเงินระดมทุนที่มหาศาล เมื่อระดมทุนครบ ก็เริ่มทำโปรเจค และไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับการพัฒนา ทำให้ท้ายที่สุด เหรียญที่พวกเค้าขายเรา และนำเงินของเราไปใช้ พวกเค้ากำลังใช้เงินเพื่อพัฒนาบริษัทนั้น และพัฒนานวัตกรรมตามสัญญาที่เคยให้ไว้ใน Whitepaper หรือจริงๆแล้วพวกเค้าไม่ได้นำเงินไปใช้พัฒนาเท่าไหร่ แต่นำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว
ตัวอย่างCEOจากบริษัทนึง นำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปซื้อบ้านหรูอยู่กับครอบครัว จากคนที่ไม่มีอะไรเลย และเหรียญหลายตัวก็ลงเอยแบบเดียวกัน นั่นก็คือยับ คำถามคือ เรากำลังสร้าง หรืออ้างนวัตกรรม คำถามต่อไปคือ เรากำลังสร้างโลกที่ดีขึ้น หรือ สร้างบ่อนการพนันระดับโลกกันแน่ ผมไม่ได้ตัดสินอะไร แต่อยากฝากไว้ให้คิด ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด ความคิดของแต่ละคนต่างกัน ยินดีรับฟังและเคารพทุกความคิดครับ