Bitcoin นั้นถือกำเนิดขึ้นในฐานะสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งในช่วงแรกๆนั้นมันก็ไม่ได้รับการยอมรับมากเท่าไหร่ ซึ่งก็ได้มีผู้ที่อยากทำให้มันถูกยอมรับการยอมรับมากขึ้นที่ชื่อว่า Mike Caldwell ซึ่งเป๋นชาวยูทาร์ แต่ใน Bitcointalk เขาจะใช้ชื่อว่า Casascius เขาได้ลองสร้าง Bitcoin ที่มีรูปแบบจับต้องได้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ Bitcoin จับต้องได้
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!ทำไมต้องสร้าง Bitcoin ที่จับต้องได้
“ทำไมต้องสร้าง Bitcoin ที่จับต้องได้?” นี่เป็นคำถามที่ยูเซอร์ที่ชื่อว่า Casascius โพสลงบน Bitcointalk ในเดือนกันยายน 2011 โดยในชั่วโมงก่อนหน้านั้นเขาได้โพสลงบนกระดานว่าเขาจะสร้าง Bitcoin ที่มีรูปร่างจับต้องได้ ซึ่งเขาสร้างเหรียญที่มีรูปร่างเหรียญที่ใช้งานทั่วไป ซึ่งในสมัยนั้นมันแทบจะไม่มีค่าอะไร ซึ่งในการขายเหรียญที่มีมูลค่า 1 BTC ในตอนนั้นมีต้นทุนในการสร้างถึง 1.25 BTC ด้วยซ้ำ
“เหรียญด้านหนึ่งจะมีโฮโลแกรมอยู่” Casascius กล่าว “โดยใต้โฮโลแกรมนั้นมี private key อยู่โดยจะมีตัวอักษร 8 ตัวของ Address bitcoin อยู่บนเหรียญ” “มันดูดีมาก” ยูเซอที่ชื่อ the joint กล่าว “ทำไมต้องซื้อเหรียญ Bitcoin อันนี้ในตอนนี้? เพราะมันอาจจะเป็นการลงทุนที่ดีกว่าการลงทุนทุกประเภทที่คุณมี” ซึ่ง Casascius กล่าวไว้ในตอนที่ราคา Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ 6.86 ดอลลาร์
เหรียญ Bitcoin ที่มีมูลค่า 1000 BTC
หลังจากที่ Casascius สร้างเหรียญมูลค่า 1 BTC รวมไปถึง 10 25 100 BTC ในเวลาต่อมาจนกระทั่งรุ่นที่มีมูลค่า 1000 BTC ซึ่งในตอนที่ราคา Bitcoin พุ่งสูงในปี 2017 มันมีมูลค่าถึง 20 ล้านดอลลาร์ Mike Caldwell ขายเหรียญ Casascius จนถึงช่วงปลายปี 2013 โดยเขาสร้างเหรียญขึ้นมากว่า 28000 เหรียญซึ่งเหรียญส่วนใหญ่นั้นได้มีการนำ Bitcoin ไปใช้แล้ว แต่ในตอนนั้นก็มีเหรียญมูลค่ารวมกว่า 47000 BTC ที่ยังไม่ถูกใช้ ซึ่งต้องรอจนกว่าเจ้าของจะนำมันไปใช้
เหรียญ Casascius ที่ถูกใช้
“ตอนนี้เราก้าวข้ามผ่านประโยคที่เคยโพสไว้ใน Bitcointalk ว่า Bitcoin นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้” Casascius กล่าวหลังจากการที่เขาสร้างเหรียญ Casascius “มันเป้นความจริงว่า Bitcoin ไม่ใช่สิ่งที่จับต้องไม่ได้อีกต่อไป ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่” และเขาก็ไม่ได้พูดผิดเลย แม้ Bitcoin จะเป็นสกุลเงินดิจิทัล แต่ในปัจจุบัน Bitcoin ที่จับต้องได้ก็เกิดขึ้นมากมายในรูปของ Paper wallet,เหรียญที่ระลึก,เครื่องประดับ รวมไปถึงรูปแบบอื่นๆที่เราสามารถเก็บมูลค่าของ Bitcoin ในรูปแบบที่จับต้องได้
ถ้าให้ลองนึกภาพในช่วงที่เว็บเทรดคริปโตยังไม่มีเหรียญเป็นร้อย ๆ เหรียญลิสต์อยู่ก็คงจะยาก แต่เชื่อหรือไม่ว่าในตลาดคริปโตมีช่วงเวลาแบบนั้นอยู่ มันมีช่วงที่เหรียญต่าง ๆ ยังไม่ถือกำเนิด และไม่มีมาตราวัด Bitcoin Dominance เหมือนในปัจจุบัน หากย้อนไปในอดีตเมื่อปี 2010 นั่นคือช่วงเวลาที่ในวงการคริปโตนั้นมีแค่ Bitcoin (BTC) เพียงเหรียญเดียว แต่หลังจากนั้นไม่นานสิ่งที่เรียกว่า Altcoin ก็ถือกำเนิดขึ้น
Namecoin เป็น Altcoin เหรียญแรก
Altcoin เหรียญแรกที่ถูกสร้างขึ้นไม่ใช่ Litecoin, Peercoin หรือ Dash แต่เป็นเหรียญที่ชื่อว่า Namecoin (NMC) ซึ่งถูกเปิดตัวในเว็บบอร์ด Bitcointalk เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2011 โดยมันมีรายละเอียดที่ค่อนข้างต่างไปจาก Bitcoin
ในเว็บบอร์ดมีการอธิบายไว้ว่า:
“Namecoin เป็นระบบการตั้งชื่อที่ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีของ Bitcoin และใช้สิ่งที่เรียกว่า ANN”
“นี่คือ Blockchain ใหม่ที่แยกออกมาจาก Chain ของ Bitcoin ชื่อที่ถูกสร้างจะถูกจัดเก็ในระบบ Blockchain ของเหรียญ และจะหมดอายุภายใน 12,000 บล็อก ยกเว้นแต่จะมีการอัปเดต”
ที่น่าสนใจคือ ไอเดียของ Namecoin นั้นมีรากฐานมาจาก Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin นั่นเอง เพราะใน 4 เดือนก่อนหน้านั้น เขาได้อธิบายถึงไอเดียของ Namecoin
Satoshi ได้ตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ดนั้นว่า “BitDNS and Generalizing Bitcoin” พร้อมกับมีคำอธิบายในกระทู้ว่า:
“ในระหว่างที่คุณกำลังขุด Bitcoin ทำไมถึงไม่ลงแรงท่าเดิมแต่ได้ชื่อ Domain แบบฟรี ๆ มาเพิ่มด้วยล่ะ?”
“ถ้าในตอนนี้คุณกำลังขุด Bitcoin ได้ 50 BTC ต่อสัปดาห์อยู่แล้ว คุณก็สามารถได้ 50 BTC พร้อมทั้งชื่อ Domain เพิ่มอีกนิดหน่อยได้ด้วย”
เขาได้อธิบายเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวในเชิงเทคนิคซึ่งรวมไปถึง Merkle Trees ด้วย ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นพื้นฐานของ Namecoin
นอกจากนี้ เป้าหมายของ Namecoin ยังเป็นการสร้างระบบการจด Domain แบบ Decentralized อีกด้วย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่ Satoshi ซื้อ Domain ที่ชื่อ bitcoin.org ในปี 2008 โดยในตอนนั้นเขาอยากจะจ่ายเป็นคริปโตแต่ไม่มีที่ไหนรับ เลยถูกบังคับให้ใช้เว็บ anonymouspeech.com ที่ทำให้บริการต่าง ๆ รวมไปถึงบริการจด Domain สามารถรับ Gift Card ได้นั่นเอง
เกิดอะไรขึ้นกับ Namecoin?
ในปัจจุบัน Namecoin นั้นก็เหมือนเหรียญที่ตายไปแล้วถึงแม้จะถูกลิสต์อยู่บนเว็บเทรดคริปโต Poloniex และ Livecoin ก็ตาม
ในประวัติตลอดอายุ 7 ปีของมัน NMC เคยมีช่วงที่รุ่งโรจน์เช่นกันที่ราคาของมันไปแตะที่ 15.41 ดอลลาร์ หรือประมาณ 0.014 BTC ในเดือนพฤศจิกายน 2013 และในปี 2019 นี้ราคาของมันก็เคยไปแตะ 8.64 ดอลลาร์ด้วยในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แต่ในตอนนี้ สภาพของ Namecoin นั้นก็ไม่ต่างจากเหรียญที่ตายไปแล้วเพราะมันมีมูลค่าเหลือเพียง 0.0006 BTC และมีปริมาณการเทรดภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเพียง 15,000 ดอลลาร์เท่านั้น
รวมทั้งระบบการจดชื่อ DNS ของ Namecoin เองก็ถูกทิ้งให้ตายไปแล้วเช่นกัน แต่มันก็ไม่ใช่เหรียญที่ล้มเหลวซะทีเดียว เนื่องจากหลังจากการเกิดของ Namecoin ก็ได้สร้างกระแสของ Altcoin ให้ถือกำเนิดต่อ ๆ มา
ในปัจจุบันมีเหรียญคริปโตในโลกมากกว่า 2,000 กสกุลแล้ว โดยผู้ริเริ่มกระแส Altcioin ก็ไม่ใช่ใครแต่คือ Namecoin นั่นเอง มันเป็นโปรเจกต์แรกที่กล้าเข้าไปพิสูจน์ให้เห็นว่าในวงการคริปโตนั้นสามารถมีเหรียญอื่น ๆ ได้ไม่ใช่มีได้แค่ Bitcoin เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เหรียญ Altcoin ที่ถูกสร้างต่อ ๆ มาก็ใช่ว่าจะดีไปซะทุกเหรียญเพราะถึงแม้การสร้างเหรียญให้คล้าย Bitcoin จะทำได้ง่าย แต่การที่จะขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับ Bitcoin ได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
ที่มา Bitcoin.com