Tokenization คือการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนที่ผูกโยงกับสินทรัพย์ ทุกสินทรัพย์จะเป็นดิจิทัล ซึ่งได้ข้อดีในการส่งผ่านทำให้ส่งผ่านแอพพลิเคชันได้ แต่หากมีโทเคนมากเท่าไหร่ ก็สามารถสร้างสภาพคล่องได้ง่ายเท่านั้น หากมีโทเคนน้อยเท่าไหร่ ก็ยากที่จะสร้างสภาพคล่อง หัวใจหลักของ Tokenization คือการทำสิทธิ์ถือครองให้เป็นดิจิทัล
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!- หากออก 1 โทเคน แทนสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเลย
จะได้เพียงความคล่องตัวในการส่งผ่านสินทรัพย์เท่านั้น - หากออกหลายโทเคน เช่น 100 โทเคน ผูกโยงกับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเลย
ซึ่งมันจะคล้ายกับที่เราซื้อหน่วยลงทุนกับกองทุนสักกองนึง- จะก่อให้เกิดสภาพคล่อง (More Liquidity)
- ทำให้เก็งกำไรได้ง่าย เพราะสามาถเป็นเจ้าของเพียงบางส่วนได้ (Fractional Ownership)
- เป็นเจ้าของสินทรัพย์ทั้งหมดโดยแท้จริงยาก (Hard to be the real owner)
หากเรานำที่ดินแปลงหนึ่งมาทำ Tokenization เพื่อทำให้เป็น 1โทเคน
เมื่อผมอยากขาย ก็เพียงส่งต่อโทเคนนี้ให้กับคนที่จ่ายเงินให้แก่ผมแล้ว ผมอาจจะทำเป็น Smart Contract ไว้ว่า หากส่งเงินมาจำนวนเท่านั้น ในเวลา1วัน สินทรัพย์นี้จะเป็นของคนโอนเงิน อันนี้คือข้อดี
แต่ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นคือ หากเราต้องการซื้อหรือถือครองสินทรัพย์นี้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อ เช่นอยากได้ที่ดินผืนนี้ แต่มันทำการ Tokenized หรือแยกสิทธิ์ถือครองย่อยเป็น 100โทเคนแล้ว เราก็ต้องไปไล่ซื้อทั้ง 100โทเคนกลับมา เพื่อเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ในกรณีเลวร้ายถ้ามันกระจายไป 100คนแล้ว การที่เราจะตาม 100คน เพื่อซื้อขายสินทรัพย์ชนิดนี้นั้น ไม่ง่ายเลย และค่อนข้างเสียเวลาด้วย จะเห็นว่ามันได้สร้างอุปสรรคในการซื้อขายสินค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อาจมีกรณียกเว้น เหมือนหุ้น หากถือครองหุ้นสามัญเกิน 50% ทำให้ได้อำนาจตัดสินใจในบริษัทเด็ดขาดไว้ในมือ สามารถขอทำ Tender Offer เพื่อซื้อส่วนที่เหลือคืนมาได้ โดยซื้อต่อที่ราคายุติธรรม ในส่วนนี้ต้องรอกฎหมายว่าจะมีออกมาเมื่อไหร่
จะเห็นว่านักเก็งกำไร จะสามารถเก็งกำไรด้วยเงินอันน้อยนิดของพวกเค้าได้ ผ่านการทำ Tokenized หรือทำให้เป็นโทเค่น สร้างมูลค่าของสินทรัพย์ตัวแทนที่มีราคาต่อหน่วยถูกกว่าออกมา ทำให้คนทั่วไปสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ด้วยเงินจำนวนไม่มาก และถ่ายโอนหรือส่งหากันได้ง่าย เหมือนกับการแชทหาใครสักคน
แต่ในทางกลับกัน หากกฎหมายออกแบบมาไม่รัดกุม การเติบโตและพัฒนาของประเทศอาจชะลอตัวได้ เพราะจะสร้างความยิ่งยากในการซื้อ ถือครอง และนำไปพัฒนาต่อยอด ซึ่งปัญหานี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับโครงการอย่าง EEC ที่ผู้ถือครองบางท่าน ไม่ยอมขายที่ดินให้ ทำให้โครงการในบางจุดล่าช้า หรือต้องย้ายจุดพัฒนากันเลย และนั่นคือปัญหาของ1สินทรัพย์ต่อคนหนึ่งคนที่เป็นเจ้าของ ลองคิดดูสิว่า หาก1สินทรัพย์ ที่มีคน100คนเป็นเจ้าของ การที่เราจะติดตามคนจำนวนมาก เพื่อให้ได้สิทธิ์ถือครองอันชอบธรรม อาจสร้างภาระเพิ่มให้แก่นักพัฒนาหรือผู้ซื้อที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ดังกล่าวในอนาคตก็เป็นได้
Failure of Owners, Opportunity of Speculators.
มันอาจจะเป็นความของเจ้าของ แต่มันคือโอกาสของนักเก็งกำไรไม่ใช่หรือ