fbpx

เทรดบิทคอยน์ต้องเสียภาษีอย่างไร? ที่นี่มีคำตอบ

ช่วงนี้ก็ใกล้เวลาที่หลายๆคนต้องยื่นภาษีปลายปีแล้วนะครับ แล้วนักเทรดทั้งหลายต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างไปดูกันครับ

เทรดบิทคอยน์ต้องเสียภาษีอย่างไร? ที่นี่มีคำตอบ

9 Dec 2019

ช่วงนี้ก็ใกล้เวลาที่หลายๆคนต้องยื่นภาษีปลายปีแล้วนะครับ ทางเพจก็เลยอยากจะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการเสียภาษีในการซื้อขายเงินดิจิทัลเสียหน่อย โดยบทความนี้จะอ้างอิงตามความเข้าใจของผู้เขียนและบทความก่อนหน้านี้ที่คุณ Dex AC ซึ่งเป็นนักกฏหมายได้เคยอธิบายเอาไว้ตั้งแต่ช่วง พรก. สินทรัพย์ดิจิทัลออกนะครับเพียงแต่เอามาทำให้เข้าใจง่ายๆ ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้เรียนจบบัญชีหรือภาษีแต่อย่างใด หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

 

เทรด Bitcoin ต้องเสียภาษีหรือเปล่า?

คำถามนี้ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คงต้องตอบว่า “เสีย” ครับคนไทยทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีให้กับรัฐเพราะรัฐจะนำเงินภาษีไปพัฒนาประเทศไม่ได้นำไปซื้อเรือดำน้ำแต่อย่างใด แต่คำถามคือเสียอย่างไรแล้วใครเรียกเก็บต้องทำอย่างไรบ้าง

 

ภาษีกำไร ณ ที่จ่าย 15% จากเทรด Cryptocurrency

ก่อนอื่นเรามาพูดถึงประเด็นนี้ตามกฎหมายกันก่อน ถ้าเรายึดตามบทกฎหมายเลยหมายความว่ากำไรใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย Cryptocurrency ถ้าคุณเทรดในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีทั้งหมดไม่ว่าคุณจะกำไรเป็นเงินบาท Bitcoin หรือ ETH ก็ต้องเสีย อย่างเช่น

  • คุณซื้อ Bitcoin ตอน 100,000 บาท 1 BTC
  • คุณขาย Bitcoin ตอน 200,000 บาท 1 BTC
  • นั้นเท่ากับว่าคุณได้กำไร 100,000 บาท ซึ่งต้องจ่ายให้สรรพากร 15,000 บาท ณ ที่จ่ายก่อนที่จะไปคำนวนภาษีรายได้บุคคลธรรมดาว่าจะขอคืนได้หรือไม่
  • ในกรณีที่คุณซื้อขายเป็น Cryptocurrency ถ้าคุณได้กำไรคุณก็จะต้องเสีย ณ ที่จ่ายเช่นเดียวกัน

ด้านบนเราว่ากันตามกฎหมายไปแล้วเรามาดูหลักความเป็นจริงบ้างเพราะในความเป็นจริงแล้ววิธี

การจัดเก็บมันไม่ได้ง่ายได้ขนาดนั้นทั้งผู้ที่จะจัดเก็บและผู้ที่ต้องเสียหากเราอ้างอิงตามกฎหมายที่ออกมาโดยมีประเด็นดังนี้

  • ในกณณีที่เราซื้อขาย Cryptocurrency แบบที่ไม่มีเงินบาทมาเกี่ยวข้องแม้กำไรจะได้เป็น Cryptocurrency ก็มีปัญหาว่าจะใช้หลักการใดในการประเมิณว่า Bitcoin นั้นราคาเท่าไหร่ เพราะไม่มีผู้กำหนดราคากลาง (โดยส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าน่าจะใช้ราคาอ้างอิงจากตลาดที่มีปริมาณซื้อขายมากที่สุด)
  • เมื่อเราเก็บเป็น Cryptocurrency จึงอยู่นอกระบบการเงินเเบบเดิมซึ่งหากเราอ้างอิงตามกฎหมายต้องมีการเสียแต่เนื่องด้วยการตรวจสอบทำได้ยากมากแม้กับสรรพากรเองก็ตาม ปัจจุบันการคำนวนภาษีจึงเกิดขึ้นเฉพาะจุดที่มีการแลกเปลี่ยนกับเงินบาทเท่านั้น
  • การหัก ภาษี ณ ที่จ่าย 15% นั้นต้องมีผู้ที่ทำหน้าที่จัดเก็บภาษีในจุดนี้เพื่อนำส่งสรรพากร ซึ่งน่าจะเป็นผู้ทำธุรกิจสินทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาติ
  • แต่ปัจจุบันไม่มีผู้ในที่ได้รับมอบอำนาจในการจัดเก็บภาษี ณ ที่จ่ายในจุดๆนี้ทำให้ปัจจุบันแม้มีกฎหมายแต่ก็ไม่มีการบังคับใช้
  • ทำให้ภาษีที่ได้จากการซื้อขายนั้นผู้ที่ทำการซื้อขาย “ต้องยื่นเป็นภาษีรายได้บุคคลธรรมดา” หรือ “รอให้สรรพากเรียกเข้าไปชี้แจง”

เพราะฉะนั้นนักเทรดทั้งหลายควรจะเก็บหลักฐานทุกชนิดเช่น รายการซื้อขายรายวันเพื่อใช้ในกรณีที่มีการเรียกสอบภาษี นักเทรดจำเป็นจะต้องชี้แจงถึงที่มาที่ไปของเงิน

 

หากซื้อขายแล้วขาดทุนจะลดภาษีได้หรือไม่

ตรงนี้ทางผู้เขียนเคยได้คุยกับสรรพกรและได้คำตอบที่ชัดเจนว่าภาษีนั้นคำนวน “ปีต่อปี” นั้นหมายความว่าผลขาดทุนนั้นไม่สามารถยื่นข้ามปีได้ เช่นหากในปีนี้เราขาดทุนและปีหน้าเรากำไรเราก็ไม่สามารถนำผลขาดทุนในปีที่แล้วมาอ้างได้

 

การขุดเสียภาษีหรือไม่เสีย?

ก่อนอื่นถ้าคุณเป็นคนที่เป็นมีอุปกรณ์เครื่องขุดจำนวนมากทางผู้เขียนแนะนำให้ทำการขายสินทรัพย์ดิจิทัลในนามนิติบุคคลกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาติเพื่อให้สามารถนำบัญชีค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะค่าไฟ ค่าอุปกรณ์ ค่าจ้าง มาหักภาษีและคิดคำนวนกำไรได้เหมือนบริษัททั่วไป ซึ่งจะทำได้ง่ายเเละไม่ซับซ้อนอะไร

แต่ในกรณีที่คุณเป็นบุคคลธรรมดาความยุ่งยากจะบังเกิดทันทีซึ่งตรงจุดนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ใน พรบ สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งตรงนี้ข้อมูลที่ได้รับจากนักฎหมายผู้เขียน “คาดว่า” รายได้ที่ได้จากการขุดน่าจะเข้าข่ายเงินที่ได้จากการแข่งขันที่สามารถหักภาษีเหมา 60% ได้ ซึ่งอีก 40% นั้นจะถูกคำนวนเป็นรายได้บุคคลธรรมดา โดยสรรพกรน่าจะคำนวนจากราคาที่เราขายเหรียญเพราะถ้าคำนวนจากเวลาที่นักขุด ขุดเหรียญได้ละก็น่าจะเป็นงานที่ยากลำบากพอสมควร

 

ช่องทางอื่นๆ

ก่อนขอออกตัวว่าผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจจะชี้โพรงให้กระรอก แต่การตระหนักถึงช่องว่างในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ทำให้การเก็บภาษีในปัจจุบันรู้ว่าควรจะปรับใช้อย่างไร เพราะมีช่องทางบางส่วนที่ทำให้รายได้จากการซื้อขายนั้นไม่ถูกตีเป็นภาษี

  • การใช้บัตรเดบิตเงินดิจิทัลที่จะเป็นการที่ผู้ใช้โอนเงินเข้าไปในบัตรเครดิตและรูดซื้อสินค้า ซึ่งจะถูกคิดเป็นรายจ่ายแทนที่จะเป็นรายได้ และในกรณีที่รัฐมีมาตรการลดหย่อนในการซื้อสินค้าอาจจะเอาไปลดหน่อยได้ด้วยซ้ำ 
  • ในกรณีที่คุณเทรดกระดานต่างประเทศหรือรายได้ของคุณเกิดในต่างประเทศและคุณมีหลักฐานชัดเจนว่าคุณได้กำไรในปีนั้นๆ และแทนที่คุณจะนำเงินเข้าประเทศไทยในปีนั้น คุณรอข้ามปีแล้วค่อยนำเงินเข้าประเทศ รายได้นั้นจะไม่เสียภาษีเพราะเงินจำนวนนั้นจะถูกมองว่าเสียภาษีในรอบปีนั้นๆในต่างประเทศแล้ว แต่คุณต้องเก็บหลักฐานให้ชัดเจน ในบางกรณีคุณอาจจะใช้บริการ Broker ของต่างประเทศเพื่อให้มีหลักฐานชัดเจน มิฉะนั้นอาจโดนตีว่าเป็นรายได้บุคคลธรรมดา
  • ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในจุดๆนี้ตามกฎหมายสมควรจะต้องเก็บภาษีแต่ว่าบริษัทบัตรเครดิตเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ตั้งอยู่ในต่างประเทศการขอข้อมูลข้ามประเทศก็ดูจะยุ่งยากยกเว้นในกรณีที่เงินก้อนใหญ่จริงๆ
  • การเปิดบัญชี Cryptocurrency ใดๆนั้นไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลการซื้อขายแบบบุคคลต่อบุคคลจึงไม่อยู่ในระบบที่สรรพกรจะตรวจสอบได้ (ไม่ต่างจากการซื้อขายสินค้าเงินสด) แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกตรวจสอบได้

 

อ้างอิง

https://blockchain-review.co.th/article/cryptocurrency-regulation-issue/

https://blockchain-review.co.th/altcoin/why-cryptocurrency-tax-not-take-action/

https://blockchain-review.co.th/article/mining-regulation-law/

 

Article
,
Writer

Maybe You Like