Bitcoin คือสกุลเงินดิจิทัลที่มีผู้คนเชื่อมั่นมากที่สุดในเวลานี้ แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่า กว่าจะได้มา1ธุรกรรมของ Bitcoin สูญเสียไปเท่าไหร่ ด้วยระบบ Proof of Work ทำให้คนจำนวนมากเปิดเครื่องขุด จ่ายค่าไฟ เพื่อแก้สมการที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างใดจำนวนมาก จนกลายเป็นการใช้พลังงานจำนวนมหาศาล
VISA เป็นบริษัทนึงใน Credit Card Network ที่ค่อยทำธุรกรรมให้กับผู้ใช้บัตรของตน ซึ่งมีเพื่อนรวมอุตสาหกรรมคือ MasterCard และ Union Pay และอื่นๆอีกมากมาย ปัจจุบันธุรกรรมที่มาจากบัตร VISA ถือเป็นปริมาณธุรกรรมอันดับต้นๆของโลก บริษัท VISA ทำให้คนทั่วโลกใช้จ่ายเงินง่ายขึ้นมาก
มี Marketcap หรือมูลค่าทางตลาดที่ประมาณ 3.51แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Bitcoin มีมูลค่าการตลาดที่ 1.2แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สิ่งที่ต่างคือ VISA มีลูกค้าหลายร้อยล้านจนถึงหลายพันล้านทั่วโลก เรามูลค่าบริษัทมาจากอัตราการทำกำไรที่เกิดขึ้นจริงถือเป็น Real Asset กลับกัน Bitcoin มีมูลค่ามาจากการเก็งกำไร มีผู้ใช้เพียงหยิบมือ แต่กลับมีมูลค่าการตลาดที่มากถึง 1.2แสนล้านดอลลาร์ ถ้าเทียบผลกระทบแล้ว Bitcoin มีมูลค่าที่เกินจริงมาก ทั้งปริมาณผู้เล่น หรือผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่เพราะอะไรราคาถึงมหาศาล คำตอบคือ ความโลภ
Signature ของโลกคริปโตคือ เม่าเยอะมาก เยอะกว่าตลาดอื่น ตอนลงคนจะกลัวมาก ตอนราคาขึ้นคนจะโลกมาก
นอกจากมูลค่าการตลาดที่มากจนผิดปกติแล้ว (ในกรณีถ้าเทียบกับผลกระทบ ว่ามูลค่าตลาดขนาดนี้ ทำอะไรให้แก่โลกบ้าง) อีกเรื่องนึงที่สำคัญคือ Bitcoin สิ้นเปลืองพลังงานมาก โดยการวัดจะวัดแบบ ธุรกรรมต่อธุรกรรม จริงอยู่ว่า ธุรกรรมของ Visa เป็นแบบ Personal แต่ของ Bitcoin เป็นการวัดต่อ10นาที เพราะธุรกรรมของ Bitcoin นั้นเกิดขึ้นทุก10นาที และมีธุุรกรรมการโอนหากันได้มากกว่า1คน อาจจะเป็นธุรกรรมหลายคน แต่รวมในธุรกรรมหลักเดียวกัน โดยใช้หลักของ Block Number และ Time Stamp
1แสนธุรกรรมของ VISA ใช้ไฟฟ้าเพียง 169 kWh ดังนั้น 1ธุรกรรมของ VISA ใช้ไฟฟ้าเพียง 0.00169 kWh เพียงเท่านั้น ค่อนข้างเป็นมิตรต่อโลกและสภาพแวดล้อมมากกว่า Bitcoin
1ธุรกรรมของ Bitcoin ใช้ไฟฟ้าเพียง 1,005 kWh ซึ่งถือว่าแพงมาก เมื่อเทียบกันแล้ว ธุรกรรมของ Bitcoin สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ากว่า ธุรกรรมของVISA ประมาณ 5.94แสนเท่า แปลว่า 1ธุรกรรมของ Bitcoin จะเท่ากับ 594,674 ธุรกรรมของ VISA
จะเห็นว่าธุรกรรมของ Bitcoin เมื่อเทียบแบบธุรกรรมต่อธุรกรรมแล้วจะสิ้นเปลืองพลังงานแบบมหาศาล มันอาจเป็นเพียงหมอกจางที่เหล่านักเก็งกำไรในตลาดไม่เห็น แต่โลกทั้งโลกนั้น ล้วนเชื่อมถึงกัน การใช้พลังงานจำนวนมากอาจทำให้โลกร้อนขึ้น หรือทำให้เกิดผลกระทบต่อคนทั้งโลกอย่างแน่นอน
สิ่งที่กล่าวไปไม่ได้ถูกทั้งหมด เพราะมีวิธีเปรียบเทียบหรือวิเคราะห์หลากหลายวิธี ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนวิธีวิเคราะห์การใช้พลังงาน หรือวิธีวิเคราะห์ธุรกรรม ผลการวิเคราะห์ก็ย่อมเปลี่ยนตามเช่นกัน ดังนั้นทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่า “เรามองมันจากอะไร”
