fbpx

สมาคมไทยบล็อกเชนเข้าพบกระทรวงการคลังเพื่อหารือเรื่องกฎระเบียบของเงินดิจิทัล

ในวันที่ 18 เมษายนเวลา 14 นาฬิกา ทางคณะกรรมการสมาคมไทยบล็อกเชนได้เข้าพบ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง รวมถึงคณะทำงานจากกระทรวงการคลังและผู้บริหารจากกรมสรรพากร ที่ตึกสำนักปลัดกระทรวงการคลังเพื่อเสนอแนวทางเกี่ยวกับนโยบายทิศทางของ Blockchain และ Cryptocurrency ในประเทศไทยรวมถึงประเด็นเรื่องภาษีอากรที่ประชาชนเป็นกังวล ที่ทางสมาคมได้เคยประกาศแถลงการณ์ไว้ใน แถลงการณ์สมาคมในฉบับที่ 1 และ 2 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สมาคมไทยบล็อกเชนเข้าพบกระทรวงการคลังเพื่อหารือเรื่องกฎระเบียบของเงินดิจิทัล

24 Apr 2018

ในวันที่ 18 เมษายนเวลา 14 นาฬิกา ทางคณะกรรมการสมาคมไทยบล็อกเชนได้เข้าพบ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง รวมถึงคณะทำงานจากกระทรวงการคลังและผู้บริหารจากกรมสรรพากร ที่ตึกสำนักปลัดกระทรวงการคลังเพื่อเสนอแนวทางเกี่ยวกับนโยบายทิศทางของ Blockchain และ Cryptocurrency ในประเทศไทยรวมถึงประเด็นเรื่องภาษีอากรที่ประชาชนเป็นกังวล ที่ทางสมาคมได้เคยประกาศแถลงการณ์ไว้ใน แถลงการณ์สมาคมในฉบับที่ 1 และ 2 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

โดยคณะกรรมการที่เข้าพบมีรายชื่อดังนี้

  1. ดร.ประเวทย์ ตันติสัจจธรรม
  2. คุณพิริยะ สัมพันธารักษ์
  3. คุณภัชภูมิ วิตติยากร วรรณพฤกษ์
  4. คุณพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว
  5. คุณศิวนัส ยามดี
  6. คุณณัฐพล พรชัยประติมา
  7. คุณกษมพัทธ์ วิธานวัฒนา
  8. คุณณัฏฐพล อัศวชมพูนุช
  9. คุณรัฐโรจน์ พณิชย์จุติ
  10. คุณอฐิฏชนก บุญบุตร

 

โดยรายละเอียดการเข้าพบครั้งนี้คือการนำเสนอทางออกในเรื่องภาษีไม่ว่าจะภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้ และประเด็นอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยน Face to Face KYC เป็น E-KYC โดยทางสมาคมมีความกังวลว่าปัจจุบัน ตลาดธุรกิจที่เกี่ยวกับ Blockchain ไม่ว่าจะ Cryptocurrency หรือ ICO นั้นยังอยู่ในสภาพที่ยังเติบโตได้อีกมาก หากมีการออกกฎระเบียบหรือภาษีที่ไม่เอื้ออำนวยแก่ภาคธุรกิจจะทำให้เม็ดเงินที่จะไหลเข้าสู่ภาคธุรกิจในด้านต่างๆรวมถึงการจ้างงานที่จะก่อให้เกิดรายได้แก่ประเทศนั้นไหลออกจากประเทศไทยไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งนี้ทางสมาคมจึงได้เสนอว่าหากทางภาครัฐได้หันมาสนับสนุนภาคธุรกิจอย่างเต็มที่ก็จะทำให้เกิด Ecosystem ที่เอื้ออำนวยแก่การลงทุน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้มีโอกาสเป็น Hub ของ ICO และ Blockchain รวมถึงก่อเกิดเม็ดเงินลงทุนมหาศาลที่จะมาลงทุนด้าน Blockchain และไหลลงสู่ภาคธุรกิจที่จะทำให้เกิดการจ้างงานและอาชีพในประเทศ เหมือนที่เคยเกิดกับสิงคโปร์ที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่ปัจจุบันติด Top 3 ของประเทศที่เป็นฐานในการระดมทุน ICO

 

แถลงการณ์ฉบับเต็มมีรายละเอียดดังนี้

Article
Writer

Maybe You Like

Recent Post