หลายครั้งที่โลกของเราขับเคลื่อนด้วยความเชื่อ และเหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน
ในโลกคริปโตมีเหรียญสกุลนึงที่ดังขึ้นมาได้และราคาโตอย่างมหาศาลหลัง ICOไม่นาน
อีกทั้งเข้าไปยืนในกลุ่ม10อันดับแรกได้ แม้ไม่มีผลงานใดๆเลย
ใช่ เรากำลังพูดถึง Cardano ที่มีตัวย่อของเหรียญคือ ADA กันอยู่
Cardano ก่อตั้งโดย Charles Hoskinson และ Jeremy Wood
จุดเด่นของ Cardano คือ Smart Contract เหมือนกันกับ Ethereum แต่Smart Contract ของ ADA นั้น
สามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่า มีรายละเอียดที่มากกว่า และการทำงานของระบบมีความรวดเร็วที่มากกว่า
เปรียบเทียบง่ายๆว่า Cardano จะทำสัญญาที่มีช่องให้กรอกข้อมูลมากกว่า ทำให้มีการยืนยันที่ดีกว่า
และระบบส่งข้อมูลได้ดีกว่า แต่ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงแนวคิดหรือ Concept เท่านั้น
ต่อมาเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คน FOMO หรือคาดหวังกันมากคือตัวทีมงาน
ในส่วนของผู้ก่อตั้งนั้นมีทั้งหมด 2 คน คือ Charles Hoskinson กับ Jeremy Wood
เริ่มที่ Charles Hoskinson ผู้เป็น CEO ก่อนเลย
- CEO ,Ethereum ช่วง เดือนธันวาคม2013 – เดือนพฤษภาคม2014
- Director ,The Bitcoin Education Project ตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม2013-ปัจจุบัน
ต่อมาคือ Jeremy Wood ผู้เป็น Chief Strategy Officer (CSO) หรือหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์
- Executive Assistant ให้ Ethereum ในช่วงเดือนธันวาคม 2013 ถึงเดือนกันยายนปี 2014
(เพราะเคยเป็นผู้ช่วยของ Charles Hoskinson สมัยเป็น CEO ของ Ethereum เลยกอดคอกันมาเปิดโปรเจคใหม่สินะ)
Cardano มีนักวิจัย13คน นักวิจัยอาวุโสอีก2คน และผู้บริหารการวิจัยอีก1คน
โดยนักวิจัยส่วนมากเป็นระดับ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการทั้งสิ้น
นับว่าแตกต่างจากทีมอื่น ที่จะมีเพียงแค่ ทีมทำงานระดับ C – Level ที่บริหารงานและทีม Developer ที่สร้างผลงานออก
แต่ทีมนี้กลับมานักวิจัยถึง13คน
นอกจากนักวิจัยปกติแล้ว Cardano มีนักวิจัยอาวุโสอีก2ท่านคือ
Prof. Philip Wadler จาก University of Edinburgh
และ Prof. Elias Koutsoupias จาก University of Oxford
เมื่อรวมกับ ทีมวิจัยอีก13คนเข้าไป นี่เหมือนแล็ปวิจัยขนาดย่อมๆ
ที่รวมมันสมองจากทั่วโลกไว้ด้วยกัน ถือว่าทิ้งห่างจากทีมอื่นและมีความเป็นมืออาชีพอย่างมาก
Cardano มีทีมพัฒนาที่เปิดเผยจำนวน29คน แบ่งเป็น3ทีมหลักคือ
- Team Haskell
- Team Well Typed
- Team Plutus
ด้วยชื่อเสียงของ Charles Hoskinson และความสามารถที่เค้ามี เมื่อรวมกับแนวคิดในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
และบวกความเป็นไปได้จากทีมที่มีจำนวนสมาชิกหลายคนและมากความสามารถ
ทำให้ 1.หากแนวคิดนี้สำเร็จ โปรเจคนี้จะมีประสิทธิภาพกว่า Ethereum
2.ทีมงานมีความสามารถทำให้มีความเป็นไปได้จึงทำให้คนจำนวนมากเข้ามาเดิมพันกับเหรียญนี้ แม้ว่ายังไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันออกมา
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของเหรียญที่ขึ้นจากการที่คนเชื่อมั่นในทีมพัฒนาและตัวคอนเซ็ปว่าเป็นไปได้
หากท่านจะลงทุนหรือซื้อเหรียญนี้โปรดศึกษาความเสี่ยงและความเข้าใจในการลงทุนก่อนนะครับ
ปิดท้ายด้วยคำพูดของคุณปู่ Warren Buffett
“Rule No.1: Never lose money. Rule No.2: Never forget rule No.1.”
“กฏข้อที่ 1: อย่าขาดทุน กฏข้อที่ 2: ไปย้อนกลับไปดูข้อที่ 1”
ในตลาดหุ้นนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือห้ามขาดทุน ห้ามสูญเสียเงินต้น ถ้าคุณสูญเสียเงินต้นเท่าใด
คุณยิ่งต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อให้เงินต้นสามารถกลับมาเท่าเดิมได้
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณสูญเสียเงินต้น 50% คุณต้องใช้ความสามารถและความพยายามมากขึ้น
นั่นคือคุณต้องทำกำไรให้ได้ 100% จากเงินต้นที่เหลือเพื่อให้มันกลับมาเท่าเดิมได้
Happy Learning ครับ
Cr : https://keeepwriting.wordpress.com/2014/12/21/5quotesfrombuffett/