ยาวไปอยากเลือกอ่าน
แสดง
Blockchain จะใช้ต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ได้อย่างไร???
บริษัทวิจัยอุตสาหกรรมโทรทัศน์ Digital TV Research คาดการณ์ว่าปีที่แล้วมีการสูญเสียรายได้จากซีรีส์ทีวีและภาพยนตร์เพราะการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์เป็นจำนวนกว่า 52 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2565 และตัวเลขดังกล่าวก็ยังไม่ได้รวมถึงรายได้ที่สูญหายจากการละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบของทื่อต่างๆอีกมากมายด้วย จึงทำให้คาดการณ์ว่าค่าความเสียหายด้านการละเมิดลิขสิทธิ์นี้จะมีมูลค่าที่สูงกว่า 52 พันล้านเหรียญสหรัฐแน่นอน
ความเป็นจริงแล้ว Blockchain ในทุกวันนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะสื่อที่เราเสพอยู่ทุกๆวันนี้ก็ถูกทำซ้ำและเผยแพร่อย่างผิดกฎหมายมากมาย เมื่อพูดถึงคำถามว่าแล้ว Blockchain จะช่วยให้ปัญหาตรงนี้ดีขึ้นได้อย่างไร เจ้าของโปรเจคดังกล่าวนี้ก็ดูมีความมั่นใจมากว่ามันจะลดการละเมิดลิขสิทธิ์ตรงนี้ได้แน่นอน
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
ทำไม Blockchain กำจัดการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ได้
เราไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบอกว่าทำไมคนถึงละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งจากการรายงานของ CREATe พบว่า การละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับดนตรี ทำให้เห็นว่าคนไม่ได้ตระหนักถึงความผิดในการแชร์เพลงแบบผิดกฎหมายมากเท่าการละเมิดลิขสิทธิ์ด้านอื่นๆ เช่นเขาอาจไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับการแชร์เพลงแบบผิดกฎหมายนี้เพราะ คนในชุมชนเขาทำกัน ในทางตรงกันข้ามนั้น การขาดการเข้าถึงของกฎหมายในบางประเทศอาจเป็นตัวผลักดันให้ผู้คนแชร์รายการทีวี หรือการที่ไม่ได้สิทธิ์ ณ ตรงนั้นอาจเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ด้านอื่นๆด้วย
ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรมารับประกันกับเราได้เลยว่า โครงการ Blockchain นี้จะหยุดการละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้ได้ รายงานของ CREATe ชี้ให้เห็นว่าทั้งภาคอุตสาหกรรมและสมาชิกสภานิติบัญญัติต้องการหลักฐานถึงเหตุผลของการแชร์สื่อเหล่านั้นที่ผิดกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันนั้นก็ทำให้เห็นว่า Blockchain เป็นเพียงสาวนหนึ่งที่จะทำให้เกิดความคิดริเริ่มที่จะต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์
การใช้ Blockchain เพื่ออำนวยความสะดวกในการเฝ้าระวังตัวสื่อ
Vevue บริการ Blockchain streaming กำลังทำ smart contract ที่สามารถติดตามความเป็นมาของสื่อใดๆก็ได้ ซึ่งถ้ามีคนละเมิดลิขสิทธิ์ในสื่อของเรา ตัวแพลตฟอร์มจะจแ้งเตือนและระบุถึงเจ้าของอุปกรณ์ทันที ซึ่งทาง Vevue กำลังพัฒนาเครื่องมือคำนวณ smart contract นี้และรอจดสิทธิบัตรอยู่ นอกจากนี้ทางทีมงานยังปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อมีการตอบคำถามเกี่ยวกับการที่ AI สามารถเป็นส่วนนึงในการช่วยป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ได้รึเปล่า คุณ Olson ตอบว่า “ได้”
Blockchain คือ platform ใช้ล่ารางวัล!!!
CustosTech เป็นบริษัทที่ใช้ Bitcoin blockchain เพื่อช่วยป้องกันทรัพย์สินทางปัญญาของเจ้าของบริษัท นอกจากนี้ยังคิดลายน้ำที่ทำให้สามารถใส่เงินรางวัลเป็น Bitcoin ลงไปได้ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับตัวไฟล์มีเดียต่างๆในระหว่างการเข้ารหัสของตัวโปรแกรม หรือจะเรียกเทคโนโลยีอีกชื่อว่า digital watermarking ซึ่งเป็นลายน้ำทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม CustosTech ใช้เอกลักษณ์ความเป็น Blockchain และ Bitcoin ในการสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้บริโภคที่จะทำการค้นหาการแชร์มีเดียต่างๆอย่างผิดกฎหมายซึ่ง ทุกคนสามมารถเข้าร่วมได้โดยการสมัครเข้าเว็บไซต์ของโปรแกรม ผู้ตรวจสอบจะได้รับเครื่องมือที่เรียกว่า Privateer ที่ใช้ในการคัดกรองเนื้อหาการละเมิดลิขสิทธิ์ และได้รับ Bitcoin เป็นการตอบแทนในที่สุด แต่ต้องเข้าใจว่า Blockchain เป็นแค่ระบบที่สร้างแรงจูงใจในการนำเทคโนโลยีลายน้ำเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น
การจูงใจผู้บริโภคด้วยแรงจูงใจทางการเงิน
อาจจะเป็นเรื่องยากที่สามารถดูวิดิโอได้ในพื้นที่ๆกำหนด แต่อุตสาหกรรมเกมก็ยังได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนี้ ซึ่งผู้เล่นจะได้รับเครดิตในเกมจากการดูโฆษณาในเกมที่เล่น เช่นเครื่องเล่นเกม Rawg ที่ลดการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการใช้ Blockchain ที่ให้ผลตอบแทนแก่ผู้เล่นด้วยเหรียญโทเคน ซึ่ง Rawg เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ค้นหาการเล่นเกมข้ามอุปกรณ์เพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการเล่นเกมที่มากขึ้น Rawg กำลังก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โดยการอนุญาตให้ผู้เล่นได้รับโทเค็นซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนเป็นรางวัลสำหรับความสำเร็จในเกมได้ หากผู้เล่นรู้ว่าสามารถเอาเงินคืนจากการเล่นเกมได้ พวกเขาอาจจะไม่ค่อยสนใจเกมละเมิดลิขสิทธิ์อีกต่อไป
การจัดการกรรมสิทธิ์ด้วย Blockchain
Dot Blockchain Media ซึ่งกำลังพัฒนาไฟล์ใหม่ชื่อว่า .BC ที่จะช่วยในการรวมการจัดการสิทธิ์ในวงการเพลงและใช้ลายน้ำทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อฝังแอดเดรส blockchain ไว้ในไฟล์เพลง โดยต้องการให้อุตสาหกรรมเพลงทั้งหมดลงทะเบียนข้อมูลเพลงจากศิลปินไปยังผู้ผลิต
ทางบริษัท ได้เปิดตัวไฟล์เพลง “.BC” – “Forget and Feel” ของ STOLAR เผยแพร่โดย FUGA
ซึ่งเพลงสามารถดูได้จาก iTunes, Google, Spotify และแพลตฟอร์มดนตรีอื่น ๆ
Writer
Rotehut Verheizen
อดีตนักศึกษาวิศวะที่หันมาเอาดีด้านการลงทุน ปัจจุบันทำงานให้กับกองทุนบริหารความเสี่ยงที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์และโปรแกรมเมอร์ด้านกลยุทธ์การลงทุน รวมทั้งก่อตั้ง Private Fund เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก
