เริ่มสัปดาห์ด้วยสองข่าวใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมโลหะ เมื่อ Alrosa บริษัทเพชรรายใหญ่ของรัสเซียพุ่งความสนใจไปที่ธุรกิจ blockchain เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในอุตสาหกรรมของตน และธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก JPMorgan ใช้ blockchain ในการสร้างทองคำ ซึ่งจริงๆแล้ว blockchain ถูกใช้เป็นตัวผู้บุกเบิกในระบบอุตสาหกรรมทองคำและเพชร ซึ่งเป็นระบบที่ซับซ้อน ตัว blockchain จะกำจัดการทุจริตและปรับปรุงคุณภาพโดยการติดตามทรัพย์สินที่มีค่า ทุกขั้นตอนของการเดินทาง จากเหมืองไปยังร้านค้าปลีก
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
Blockchain สามารถช่วยอุตสาหกรรมโลหะได้
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา London Bullion Market Association ตลาดค้าส่งทองคำและเงินของ London ประกาศแผนที่จะปรับปรุงความโปร่งใสในอุตสาหกรรมด้วย blockchain เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยกำจัดโลหะที่ผิดกฎหมาย ตัวอย่างเช่นเมื่อเดือนมีนาคม ปี2017 ที่ผ่านมา เอฟบีไอกล่าวหาว่าพนักงานสามคนของ NTR Metals นำเข้าทองคำมูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญจากประเทศในอเมริกาใต้มาขาย และส่งรายได้กลับไปให้คนรับที่เป็นผู้ค้ายาเสพติด ดังนั้นในเดือนมีนาคม ปี2018 ทาง LBMA ได้ขอความร่วมมือจากสมาชิกจำนวน 144 ราย เพื่อขอเสนอวิธีการติดตามทองจากเหมืองสู่จุดหมายปลายทางและป้องกันการปลอมแปลงทองคำ และได้รับการตอบรับข้อเสนอจาก 26 บริษัท ซึ่งตอนนี้ LBMA วางแผนที่จะร่างแนวทางในการอนุมัติโดยกล่าวว่า “ เราจำเป็นต้องตั้งเกณฑ์และมาตรฐานที่จะช่วยให้เราเข้าใจว่าอะไรคือวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดผ่าน blockchain ”
JPMorgan กับการสร้างเหรียญทองคำ
จากการรายงานของ Financial Review เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมาพบว่า JPMorgan ได้สนับสนุนการใช้สัญญาอัจฉริยะที่เรียกว่า Quorum เพื่อสร้างเหรียญทองคำ โดยทางหัวหน้าผู้ที่ริเริ่มโครงการประยุกต์การใช้เทคโนโลยีของ Blockchain ของ JPMorgan คุณ Umar Farooq กล่าวว่า “ พวกเขาห่อทองคำแท่งไว้ในกล่องอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการป้องกันการปลอมแปลงและสามารถติดตามแถบทองจากเหมืองถึงจุดสิ้นสุดได้ซึ่งถ้าผู้รับทองรู้ว่าทองมาจากที่ไหน เขาก็จะยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่ากรณีที่ไม่รู้แหล่งที่มาของมัน ซึ่งเพชรเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ”
ปัญหาของอุตสาหกรรมเพชร และวิธีแก้ผ่าน Blockchain
ประวัติการใช้ blockchain ผ่านอุตสาหกรรมเพชรนั้นเริ่มมีมาตั้งแต่เดือนพฤกษภาคม ปี2015 เมื่อ Leanne Kemp ก่อตั้ง Everledger โดยเป้าหมายหลักที่สำคัญคือการกำจัดปัญหาของเพชรหรือแร่ที่สกัดได้ในเขตสงคราม และถูกขายให้กับระบบการกดขี่ ซึ่งตัวบัญชีจะช่วยให้สามารถเข้าถึงประวัติการขนส่งเพชรได้อย่างครบถ้วนและลดความเป็นไปได้ในการปลอมแปลงเอกสารจากทุกๆขั้นตอน
เดือนมกราคม ปี2018 De Beers Group ซึ่งเป็นบริษัทระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่เชี่ยวชาญด้านการสำรวจเพชรการทำเหมืองแร่และการค้าปลีกได้ริเริ่มโครงการเดียวกัน บริษัทได้ประกาศว่ากำลังมองหาโครงการที่ใช้ blockchain เพื่อปรับปรุงความโปร่งใสของอุตสาหกรรมเพชร คุณ Bruce Cleaver ผู้บริหารของบริษัท กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า “เพชรมีคุณค่าที่คงไว้ซึ่งกาลเวลาและเป็นตัวแทนของช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุดในชีวิต ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องมั่นใจว่าเพชรปราศจากมลทินและเป็นธรรมชาติ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี blockchain ดังนั้นเราจะรับประกันความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ด้วยเพชรทุกชนิดที่ถูกลงทะเบียนบนในระบบ”
โครงการ Tracr กับความสำเร็จในการสอบกลับอุตสาหกรรมแร่
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา De Beers อ้างว่าได้ติดตามเพชรมูลค่าสูง 100 ชิ้นจากเหมืองไปยังร้านค้าปลีกโดยใช้ blockchain และบริษัทยังเปิดตัวโครงการ Tracr ผ่านความร่วมมือของ 5 บริษัทผู้ผลิตเพชรชั้นนำ Diacore, Diarough, KGK Group, Rosy Blue NV, และ Venus Jewel โดยแพลตฟอร์ม Tracr จะกำหนด “Global Diamond ID” ที่เป็นเอกลักษณ์ของเพชรซึ่งจะบันทึกลักษณะเพชรแต่ละแบบเช่นกะรัตความคมชัดและสี ข้อมูลจะถูกบันทึกลงในบัญชี หลังจากนั้น Tracr จะตรวจสอบข้อมูลในแต่ละขั้นตอนของจุดหมายปลายทางของเพชร
การร่วมมือของ IBM กับผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องประดับ
เมื่อปลายเดือนเมาายนที่ผ่านมา กลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องประดับได้ประกาสความร่วมมือกับ IBM เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี blockchain ไว้ติดตามแหล่างกำเนิดของเครื่องประดับสำเร็จรูป อิงจากแพลตฟอร์ม IBM Blockchain และโครงการ Hyperledger โดยโครงการนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อติดตามและรับรองความถูกต้องของเพชรและโลหะที่มีค่า จากแหล่งกำเนิดไปยังสถานที่ค้าปลีก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าการซื้อเครื่องประดับของพวกเขานั้นมีแหล่งที่มาอย่างถูกกฎหมายและโปร่งใส
ในขณะที่อุตสาหกรรมแร่และอัยมณีนั้นซบเซาลง Alrosa ยังคงมองโลกในแง่ดีว่า บริษัทของเขาเชื่อว่านวัตกรรมของ blockchain สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมอัญมณี โดยการทำให้เพชรนั้นมีมูลค่าตามธรรมชาติมากขึ้นผ่านนวัตกรรม blockchain เพื่อดึงดุดเหล่านักลงทุนที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความความต้องการที่สูงลิ่ว