ในบทความนี้ตอนเเรก เราได้ไปดูการเปลี่ยนเเปลงของเวเนซุเอลา,ซิมบับเวและอิหร่านมาเเล้ว ในตอนนี้เราจะพาไปดูประเทศที่เหลือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง
Turkey
เราจะเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันได้จากปัญหาเงินเฟ้อที่ตุรกีเมื่ออัตราเงินเฟ้อของตุรกี lira (TRY) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.9 ในเดือนตุลาคม 2017 เนื่องจากธนาคารประจำชาติถือหนี้เสี่ยงสูงของภาคเอกชนเเละนักลงทุนต่างชาติถอนการลงทุนออกจากประเทศเเละประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdoğan ปฏิเสธที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
เป็นผลให้ชาวตุรกีหันมามองcrypto แม้ว่าvolume ในตอนนั้นไม่ได้มากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีGDPใกล้เคียงกัน ตัวอย่างเช่น 4 พฤศจิกายน 2017 มี 41 Bitcoinถูกเทรดกับliraของตุรกีผ่าน LocalBitcoins exchange ขณะที่เม็กซิโกประเทศที่มี GDPใกล้เคียงกัน เเต่อัตราเงินเฟ้ออยู่ประมาณ 4.5% มี 38 Bitcoinถูกเทรดบน Mexican pesos อาจกล่าวได้ว่าเงินเฟ้อเล็กน้อยจะช่วยให้คนหันมาใช้ cryptoได้เล็กน้อย เเต่หากมีเงินเฟ้อที่ขยายตัวสูงมาก(hyperinflation)ก็มีผลที่ทำให้คนหันมาใช้มากเช่นกัน เช่น 303 Bitcoin ถูกเทรดกับ bolívars ภายในสัปดาห์ต้นเดือนพฤศจิกายน เพียงสัปดาห์เดียว
อย่างไรก็ตามปีนี้เกิดภาวะhyperinflationอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตุรกีเกิดวิกฤตซึ่งมีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 15.39% ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้การvolumeเพิ่มขึ้น131.9% บนLocalBitcoins exchange ระหว่างช่วงต้นเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม โดยvolume การเทรดBTCกับค่าเงินตุรกีพิ่มขึ้นจาก 327,295 เป็น 759,026
เมื่อพูดถึงวิกฤตเงินเฟ้อในตุรกีเเเละผลที่ตามมาในทางบวกต่อความต้องการ crypto
Erik Voorhees CEO ของShapeShift ได้กล่าวไว้ใน Twitter ว่า bitcoin มีความยืดหยุ่นที่จะเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนในตลาด crypto เป็นที่เก็บรักษามูลค่าในตัวเองเเละเป็นอีกทางเลือกสำหรับตุรกี
ดูเหมือนว่าจะมีชาวตุรกีจำนวนมากเห็นด้วยกับเขา จากผลสำรวจในเดือนมิถุนายน โดย ING Bank เปิดเผยว่าตุรกีมีผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ใน cryptocurrency มากที่สุดในโลกหรือจาก15 ประเทศ 18%ของชาวตุรกีมี cryptocurrency ไว้ใครอบครอง รองลงมาคือประเทศโรมาเนียที่มี 12% จากประชากรทั้งหมดเเละมีอัตราเงินเฟ้อสูงสุดใน 15ประเทศนี้
อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อ 15%ไม่เพียงพอที่จะให้ cryptocurrency ถูกยอมรับเเละใช้กันอย่างแพร่หลาย และไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่ hyperbitcoinization. แม้ว่าตลาด TRY / BTC จะมีvolumeเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขที่แน่นอนก็ยังค่อนข้างต่ำสำหรับตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ16ในการเทรด bitcoin ซึ่งใน 24ชั่วโมงมี volume 226.09 BTC คิดเป็น 0.08%ของการเทรดใน1วันและมีเพียง 0.48% และ 0.68% ของvolumeการgmifเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯและเยนญี่ปุ่นตามลำดับ
นอกจากนี้หากสังเกตุแผนภูมิ TRY/BTC มีการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมไม่มากและvolumeการเทรดลดลง ตามที่เห็นในเดือนเมษายนและต้นเดือนมิถุนายนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี 2017 ในความเป็นจริงหากเปรียบเทียบTRY / BTC
ในวันที่ 11 สิงหาคม กับวันที่ 18 สิงหาคม ระหว่างวิกฤตกำลังไปถึงช่วงpeak ค่าเงินliraลดลง
10%ซึ่งลดลงมากกว่าที่เทรดTRY 759,026 ไปในวันที่ 11 สิงหาคม เเละมีเพียงTRY 573,626ที่เทรดไปในวันที่18 สิงหาคม
ตรงข้ามกับการเติบโตของcryptoที่เติบโตในเวเนซุเอลาและซิมบับเว อะไรคือสิ่งที่ขาดไปของเงินดอลลาห์สำหรับการไปถึงจุดกลับตัวท่ามกลางเงินสกุลอื่นๆเเละสิ่งที่รักษามูลค่าในตัวเองได้ ในทางกลับกันรัฐบาลซิมบับเว,เวเนซุเอลาและตุรกีเลือกที่จะไม่ควบคุมเงินทุน ทำให้ประชาชนสามารถซื้อขายเงินสกุลต่างประเทศได้มากเท่าที่ต้องการ ดังนั้นชาวตุรกีเเละนักลงทุนจึงซื้อทองคำเเละเงินดอลลาห์ เห็นได้ชัดว่าคนไม่เชื่อสกุลเงิน liraของตัวเอง เเต่ bitcoin และ cryptocerrencyอื่น ไม่มีการเพิ่ม volume มากนัก
Argentina และสกุลเงินสำรอง
ขณะที่อาร์เจนตินามีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่31.2%สูงที่สุดในบรรดาประเทศที่มีเศรษฐกิจอยู่ในระดับปานกลางเเละมีGDPอยู่ในอันดับ21 จากข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าcryptocurrency มีโอกาสเติบโตเเละแข่งขันต่อไปในกลุ่มประเทศอเมริกาใต้
แม้จะมีการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าอาร์เจนตินาจะยอมรับbitcoin แต่ดูเหมือนว่าประชากรส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้เทรดในจำนวนที่น่าประทับใจอีกด้วย บนLocalBitcoins exchange จำนวนbitcoinที่ถูกซื้อมากที่สุดในปี2018 คือ 31 BTCใน1อาทิตย์ เปรียบเทียบกับสวีเดนที่มี GDPใหญ่เป็นอันดับที่23 กลับมี 112 BTC ถูกซื้อใน1อาทิตย์
ตามที่ CryptoCompareกล่าวไว้ว่าอาร์เจนตินาเป็นตลาดcryptoใหญ่อันดับ45ของโลก(สวีเดนลำดับที่31) แม้ว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อที่สูงใน6อันดับของโลก และไม่มีมาตรการควบคุมการลงทุนเช่นเดียวกับตุรกี ด้วยเหตุนี้ชาวอาร์เจนตินาจึงสามารถเข้าถึงเงินดอลลาห์เเละเงินสกุลอื่นหรือ cryptocurrencyก็ได้
ไม่นานมานี้การเทรดหรือถือครองcryptoเป็นที่นิยม ไม่เพียงแต่ธนาคารอาร์เจนตินาเริ่มใช้bitcoinในการโอนข้ามพรมแดนแทนที่จะใช้ระบบSWIFT บริษัทหลายแห่งยังยอมรับbitcoin แม้ช่วงปี2011-2015ที่มาตรการณ์ควบคุมเงินทุนยังคงอยู่ก็ตาม ต้นปี2016 bitcoinได้รับการยอมรับจากพ่อค้า145รายในบัวโนสไอเรส แสดงให้เห็นว่าcryptoไม่เเพียงเเต่เก็บรักษามูลค่าได้อย่าเดียวเเต่ยังใช้ชำระเงินได้ด้วย
สถานการณ์ที่เลวร้าย
บทเรียนที่ได้จากตัวอย่างข้างต้น คือ cryptocurrencyแสดงให้เห็นศักยภาพอย่างมากในการเป็นทางเลือกของทรัพย์สินที่รักษามูลค่าและชำระเงินในช่วงวิกฤตทางการเงิน อย่างไรก็ตามตราบใดที่สกุลเงินสำรองระหว่างประเทศเช่น สกุลเงินยูโรหรือเงินดอลลาร์ยังคงมีเสถียรภาพอยู่เเละผู้คนในชาตินั้นต้องการเงินสำรองเหล่านี้ cryptocurrency ก็ไม่อาจถูกยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เงินเฟ้อ ส่วนhyperbitcoinzationก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากเงินดอลลาห์ยังถูกใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่
ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นต่อการผลักดัน Crypto ไปใช้ในประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ใช่แค่อัตราเงินเฟ้อเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงการขาดแคลนเงินดอลลาร์และค่าเงินของประเทศนั้นๆอ่อนลง
