Smart Contract กับการประยุกต์ใช้เรื่องความเสี่ยง กระบวนการเป็นยังไง วันนี้เราจะมากล่าวถึงความเสี่ยง แน่นอนว่าความเสี่ยงไม่สามารถหายไปได้ แต่สามารถลดลงได้ และเรากำลังพูดถึงความเสี่ยงที่ลดลงด้วยการใช้เทคโนโลยีของ Smart Contract และมันจะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างแน่นอน
ปัจจุบันสัญญาถูกใช้เป็นเครื่องมือในเรื่องการต่อรองผล”ประโยชน์” โดยการจัดสิ่งเหล่านั้นให้เป็นไปตามข้อตกลงในสัญญา ส่วนมากเรามักพบกับพวกสัญญาประกันความเสี่ยง สัญญาการแบ่งหุ้น สัญญาการจ่ายปันผล สัญญาการจ่ายดอกเบี้ย ส่วนมากเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งสิ้น เข้าหลักที่ว่า ที่ใดมีผลประโยชน์ ที่นั่นย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้นการลดมัน หรือทำให้ลดลงจนน้อยที่สุดจึงมีความสำคัญมาก
Current State – ระดับปัจจุบัน
(พยาน) ปัจจุบัน หากเราต้องการทำสัญญาสักฉบับ เราต้องหาคนกลาง หรือพยานเพื่อค้ำสัญญา
(P2P Contract สัญญาระหว่างบุคคล ) อีกทั้งในเรื่องของผลตอบแทนหากเราทำเองระหว่างบุคคล เราต้องเป็นผู้ไปทวงเอง กระบวนการทั้งหมดไม่ได้เกินขึ้นโดยอัติโนมัติ และทุกขั้นตอนย่อมแลกมาด้วยเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งเสมอ
(MiddlemanContract) หากสัญญานั้นมีคนกลาง ในเรื่องของการทวงผลประโยชน์ แม้คนกลางจะไปทวงให้ แต่ก็อาจจะไม่ค่าใช้จ่ายหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลง แต่การใช้คนกลางสิ่งที่ต้องระวังเพิ่มก็คือคนกลางทำหน้าที่แบบเต็มที่และโปร่งใสไหม เราต้องฝากความหวังไว้ว่าพวกเขาจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โปร่งใส และไม่รวมหัวกันล้มสัญญา
Future State – ระดับอนาคต
Smart Contract จะเข้ามาจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ในสัญญา
เริ่มแรกในเรื่องของคนกลาง Smart Contract จะทำตัวเป็นคนกลางเอง และมันเป็นตรรกศาสตร์ ที่ทำงานตามเงื่อนไข ไม่เหมือนมนุษย์ที่ปากตามเงื่อนไข แต่ใจไม่อาจหยั่งถึง การทำงานของ Smart Contract นี้เที่ยงตรง และซื่อสัตย์ซะยิ่งกว่าสุนัข การใช้คอนแทร็กแบบนี้แปลว่ามันน่าเชื่อถือกว่ามนุษย์ และคนกลางก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เท่านี้คนกลางก็ออกไปแล้ว
ปัญหาต่อมา เรื่องการทวงผลประโยชน์ ตรงนี้ขึ้นกับการตั้งเงื่อนไขว่าให้ไปเก็บเงินที่ไหนหรือยึดเงินจากส่วนไหนได้เลยไหม หรืออาจจะวางเงินประกันค้ำทั้งสองฝ่ายและเมื่อถึงเวลาก็ทำตามเงื่อนไข หากมีการผิดเงื่อนไขก็ให้ยึดเงินประกัน และฟ้องร้องได้เลย อะไรประมาณนี้ เงื่อนไขเหล่านั้นสามารถทำงานแบบอัตโนมัติได้ แม้วันที่คุณไปเที่ยว ไม่ได้ดูมันเลย หรืออาจจะลืมสัญญาเหล่านี้ไปแล้วก็ได้ มันจะทำตามเงื่อนไขที่กำหนดต่อไปเรื่อง เพียงแค่คนที่เข้าไปใช้งานมัน วางเงื่อนไขให้รัดกุม เท่านั้นเอง
ปัญหาสุดท้าย พยาน แบบแรกพยานที่เป็นผู้ค้ำประกันด้วย ตรงนี้มีลักษณะคล้ายข้อก่อนหน้านี้คือเราสามารถทำสัญญาและเอาสินทรัพย์ของคนค้ำประกันเข้ามาในสัญญาได้ และเมื่อถึงส่วนของผลประโยชน์ หากมีการผิดสัญญา ให้เราเรียกเก็บกับลูกหนี้ก่อน จากนั้นก็คนค้ำประกัน หากเป็นพยานที่ไม่ได้ค้ำประกัน เราสามารถนำเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ว่า คนคนนี้อยู่ในเหตุการณ์เพื่อเป็นคนให้การแก่ศาลและผู้รู้เห็นในเหตุการณ์แทน
ลักษณะพิเศษของ Smart Contract คือหากคุณทำระบบดีพอ สัญญาจะไม่สามารถถูกเข้ามาโกงในการเปลี่ยนสัญญาได้ และมันจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังของนักการทูตแห่งอนาคตเลยก็ว่าได้
สรุปข้อดี
-ตัดปัญหาคนกลางที่ไม่สามารถตรวจสอบความจริงใจในการทำงานได้
-ลดต้นทุนทางกฎหมายและต้นทุนในกระบวนการต่างๆ
-เพิ่มความปลอดภัยจากการรวมหัวกันโกงหรือผิดสัญญา
-ระบบทำงานอัตโนมัติตามตรรกศาสตร์ และซื่อสัตย์ยิ่งกว่าสุนัข หากแต่ต้องระวังในเรื่องของข้อตกลงที่อาจมีการวางยาในสัญญาได้ คาดการณ์ว่าอนาคตอาจจะมีการรันเทสระบบก่อน แล้วเซ็นเลยว่าระบบต้องทำตามที่เทสก่อนเซ็นสัญญา เพื่อฟ้องกันการวางยาในสัญญาหรือเป็นการเทสความโปร่งใสข้อตกลงในสัญญา
-เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่ดีในราคาที่ย่อมเยาว์ แต่การใช้งานอย่างแพร่หลายจะมีในอนาคต
ส่วนข้อเสียนั้น ไปวัดกับที่
1.ประสิทธิภาพของระบบ
2.ความผิดพลาดของผู้ใช้
3.ความไร้สติของคนทำสัญญา
4.การวางยาแบบไม่จริงใจของคนที่ระบุข้อตกลงในสัญญา
เตรียมความรู้ สู่อนาคต
Happy Moving ครับ
Cr : https://www.ccn.com/smart-contracts-12-use-cases-for-business-and-beyond/