ยาวไปอยากเลือกอ่าน
แสดง
หลายท่านจำตอนราคา Bitcoin 20,000$ ได้ไหม
ผมเชื่อว่าคนที่อยู่มานานมากกว่า1ปี กำไรอย่างแน่นอน เมื่อ Bitcoin ราคา 20,000$
แล้วมีไหมที่ท่านอยากเก็บราคานี้ไว้ขาย ผมเชื่อว่าบางท่านอาจจะคิดเหมือนกัน
โดยเฉพาะท่านที่เล่นแบบซื้อแล้วถือ ไม่ได้กู้ยืมมาเล่นแต่อย่างใด
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
ยกตัวอย่างเช่น ราคา Bitcoin 15,000$ แล้วท่านถืออยู่ 1เหรียญ
ท่านอยากเก็บราคานี้ไว้ขาย ให้ท่านทำการ Short ตัว Bitcoin จำนวน1เหรียญ
Hedge by Hold&Short
หากมันขึ้น ท่านจะกำไรใน Bitcoin และจะขาดทุนใน Short Contract
ที่เกินจาก 15,000$ จะหักลบกับขาดทุนของ Short Contract พอดี
ดังนั้นมันก็เหมือนท่านขายที่ราคา 15,000$ แล้วนั้นเอง
แต่ถ้าหากมันลงมาที่ 10,000$ ท่านก็ปิด Short Contract จะได้เงินมา 5,000$
ท่านจะซื้อ Bitcoin เพิ่มในราคา 1BTC ที่ราคา 10,000$ จะได้ BTC มาเพิ่ม 0.5BTC
และมูลค่ารวมของพอร์ทก็ยังเป็น 15,000$ เท่าเดิม
ข้อดีของการ Short คือท่านสามารถจัดการความเสี่ยงได้เลย
เพราะหากท่านมี Bitcoin จำนวนมาก การขายจะทำให้ราคาขายของส่วนหลัง กำไรน้อยลง
หรือราคาลดลงนั่นเอง แต่ถ้าหากท่านทำการ Short ไว้ เมื่อท่านขายก็ปิด Short ให้เท่ากับจำนวนขาย
Basic Concept : ความเข้าใจคร่าวๆ
เช่นมี 3,000BTC ที่ราคา 15,000$
เมื่อขายไป 1,000BTC ราคาเฉลี่ยที่ขายได้คือ 14,5000$ แล้วปิด Short จำนวน 1,000BTC
BTCจำนวน 1,000BTC ของท่านจะขายที่ราคา 15,000$ เท่ากันทุกเหรียญ
เพราะอีก 500$ ต่อเหรียญ จะมาจากสัญญา Short จ่ายให้ท่าน
Whale Concept : รูปแบบการทำกำไรของวาฬ
ดังนั้นเมื่อวาฬหรือคนที่มี Bitcoin จำนวนมากๆจะขาย
พวกเค้าจะทำการ Short เพิ่มล็อคราคาและทำกำไรเพิ่ม
ยกตัวอย่างที่ 3,000BTC และราคา 15,000$ เหมือนเดิม
เมื่อขาย 1,000BTC ราคาเหลือ 14,500$
เมื่อขาย 2,000BTC ราคาเหลือ 14,000$
เมื่อขาย 3,000BTC ราคาเหลือ 13,500$
ราคาเฉลี่ยที่ขายได้คือ 14,000$
ขายจำนวน 3000BTC ได้เงินมา 42,000,000$
ถ้าขายปกติจะได้เงินเท่านี้ แต่ถ้า Hedge ไว้คือล็อคราคาที่ 15,000$
ควรจะได้เงินจำนวน 15,000$ x 3000BTC หรือประมาณ 45,000,000$
แต่ความเป็นจริงคือได้มากกว่านั้น
ให้เอาส่วนที่ขายได้ + ส่วนที่ทำการ Short ไว้
ส่วนที่ขายได้ได้เงินมาแน่นอนแล้ว 42,000,000$
แต่ส่วนที่ Hedge หล่ะ ได้มา 3,000,000$ แน่หรือเปล่า
ความจริงคือมันได้มากกว่านั้น แล้วมันได้เท่าไหร่กันหล่ะ
ลองคิดง่ายๆโดยคิดจากราคาสุดท้ายคือ 13,500$ เป็นราคาปิด Short Contract
ตกสัญญานึงจะได้ประมาณ 1,500$ ต่อ 1BTC แล้วทำการ Short ไว้ 3000BTC
จะได้เงินจาก Short Contract ประมาณ 1,500$ x 3000BTC = 4,500,000$
เมื่อรวมราคาที่ขายได้ บวกด้วยกำไรจากการ Hedge ไว้ จะได้เงินประมาณ
42,000,00$ + 4,500,000$ = 46,500,000$
สาเหตุที่ได้กำไรเพิ่ม มาจากการขายจำนวนมาก ทำให้เกิดGapหรือช่องว่างมากกว่ารายย่อยขาย
และเมื่อรายใหญ่ขายแล้วราคาจะปรับตัวลงแน่นอน พวกเค้าจะ Short มากกว่า BTC ที่พวกเขามี
ถ้า Short = Hold จะเป็นการ Hedge หรือล็อคราคา
ถ้า Short > Hold จะเป็นการ Speculation หรือการเก็งกำไรราคา
ซึ่งวาฬจะได้กำไรมากขึ้นจากการขายอีกหลายเปอร์เซ็นต์หาก Short มากกว่าที่ Hold
แต่นั่นก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่มากขึ้น เพราะหากราคาขึ้น
ยอดขายทุนจากการ Short จะมากกว่า Capital Gain หรือกำไรที่เพิ่มขึ้น
หาก Short เกินตัว ราคาขึ้นจะเริ่มขาดทุน
กลยุกธ์ประเภทนี้ หลายคนอาจจะบอกว่า
มันเหมือนขายไปแล้วซื้อใหม่เลย แบบนี้ก็ขายไปเลยสิ
แต่ ถ้าคุณเอา Bitcoin ไปล็อกหรือเอาไปปล่อยกู้ แปลว่าหมดโอกาสขายใช่ไหม
แต่ ถ้าShortในอัตรา1:1 ก็ได้โอกาสขายกลับมา เพราะเมื่อได้Bitcoinกลับมา ก็ปิดสัญญาShortแล้วขายBitcoin
เท่านี้แม้ว่าเราจะได้Bitcoinกลับมาทีหลัง แต่เราก็ได้ราคาของBitcoinที่เท่าเราShortไว้
สรุป
การ Hedge ทำให้รายย่อยสามารถล็อคราคาขายไว้ได้
การ Hedge ทำให้รายใหญ่ได้กำไรจากการขายมากขึ้น
การ Over Hedge หรือการ Short มากกว่าที่ Hold
จะทำให้รายใหญ่ได้กำไรจากการ Gap การเทขายมากในปริมาณมาก
ซึ่งการ Over Hedge และเทขายกดราคาเอง และปิดสัญญา Short หลังเทขายเสร็จทันที
ด้วยการ Long ในปริมาณเดียวกับที่ทำการ Short ไว้
หากเทขายแล้วกดราคาไม่ลง การ Over Hedge จะสร้างความเสี่ยงให้ท่านแทนเมื่อราคาดีดกลับ
รายย่อยสามารถทำได้เช่นกันขึ้นกับปริมาณเงินและการวางกลยุทธ์ของท่าน
ดังนั้นการ Over Hedge จะเป็นกลยุทธ์ของวาฬซะมากกว่า
หากรายย่อยใช้กลยุทธ์นี้หมายถึงพวกเค้าเก็งกำไรในขาลงแทน
Writer