หลังจากการเปิดตัวของ Libra ที่เป็น Cryptocurrency จาก Facebook ทั่วโลกก็ดูจะตื่นตัวกับ Stablecoin มากขึ้นแม้ว่า Libra จะถูกคำถามและข้อสงสัยหลายๆอย่างจากภาครัฐทำให้มันถูกชะลอไว้แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าในภาพกว้างโลกเรากำลังตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นถึงกับมีรายงานว่าธนาคารหลายๆประเทศนั้นจำเป็นจะต้องเร่งการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของชาติหรือที่เรียกว่า CBDC (Central Bank Digital Currency) เลยทีเดียว แต่สำหรับในโลกคริปโตแล้ว Stablecoin ไม่ใช่เรื่องใหม่มี Stablecoin มากมายในโลกคริปโตที่เราจะไปทำความรู้จักกัน
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
Stablecoin คืออะไร?
คำว่า Stablecoin นั้นเป็นคำที่แปลตรงตัวแปลว่าเงินที่มั่นคงแต่ในความเป็นจริงบนโลกแล้วมันก็ไม่ได้มั่นคงเสมอไป เพราะสุดท้ายมันก็ถูกอ้างอิงมูลค่ากับเงินสกุลใดสกุลหนึ่งอยู่เหมือนกัน Stablecoin มีประโยชน์ในฐานะสินทรัพย์ทางการเงินที่สามารถใช้ประโยชน์ในระบบการเงินหลายๆรูปแบบได้ ซึ่งเงินตราในรูปแบบเก่าที่เรารู้จักนั้นระบบที่ช่วยเหลือเช่น E-Banking จะเป็นการโยกย้ายเงินที่มีอยู่จริงๆทำให้มันยังมีข้อจำกัดหลายอย่างที่ไม่สามารถสร้างนวัตกรรมทางการเงินที่ดีขึ้นได้ Stablecoin จึงเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้เพราะมันเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถถูกเขียนโปรแกรมหรือใส่คำสั่งที่ซับซ้อนลงไปได้
Stablecoin มีกี่ประเภท?
การแบ่งประเภทของ Stablecoin นั้นจะถูกแบ่งตามสินทรัพย์ที่ถูกนำมารองรับหรือค้ำประกันให้ Stablecoin นั้นมีมูลค่าโดยมันแบ่งออกได้ดังนี้
- Fiat – collateralized (รองรับด้วยเงินเฟียต)
- Commodity – collateralized (รองรับด้วยสินค้าโภคภัณ)
- Crypto – collateralized (รองรับด้วย Crypto)
- Non – collateralized (ไม่รองรับด้วยอะไรเลย)
Fiat – collateralized
การสร้าง Stablecoin ด้วยเงิน Fiat นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดและเป็นแนวคิดพื้นฐานเดียวกับ IOU คือการนำเงิน Fiat นั้นไปฝากไว้ที่ใครซักคนหนึ่งและคนๆนั้นออกเหรียญโดยอ้างอิงกับสินทรัพย์ที่รองรับ (ซึ่งอาจจะเป็นสินทรัพย์หลายอย่าง) ซึ่งข้อดีคือวิธีการเป็นวิธีที่ง่ายตรงไปตรงมาใครๆก็สามารถทำได้เพียงแค่สามารถสร้างตัวกลางที่น่าเชื่อถือได้ แต่ข้อเสียที่ร้ายแรงคือการสร้างตัวกลางที่น่าเชื่อถือนั้นมีต้นทุนที่มหาศาลมาก ไหนจะการจ้าง Audit หรือ Custodian ที่มีความน่าเชื่อถือและโปร่งใสมาก พอเงินทุนเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆและยิ่งมูลค่าของเงินที่ผลิตออกมามากขึ้นก็ยิ่งต้องการความน่าเชื่อถือที่มาพร้อมกับต้นทุนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น
- USDT หรือ Tether ที่เป็น Stablecoin ที่มีมูลค่าอันดับ 1 ของตลาด Crypto และการใช้งานที่แพร่หลายโดย USDT ที่ผลิตออกมานั้นจะอ้างอิงกับ Tether Reserve ที่รองรับด้วยสินทรัพย์หลายๆชนิดอย่างไรก็ตาม USDT กลับประสบปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือด้วยการที่ผลิตเงินอย่างไม่มีที่มาที่ไปและบริษัทที่ Audit นั้นก็ยังไม่น่าเชื่อถือพอในสายตาผู้คนจำนวนมาก
- TUSD เป็นอีก Stablecoin ที่มีแนวคิดแบบเดียวกับ USDT แต่จุดที่แตกต่างกันคือเงินที่สำรองไว้นั้นจะถูกเก็บโดยธนาคารหรือบริษัทต่างๆที่มีความน่าเชื่อถือ เมื่อมีคำสั่งซื้อขาย คำสั่งจะถูกส่งมายังตัวกลางและตัวกลางจะส่ง Signal ให้ Smartcontract ทำงานอย่างอัตโนมัติจึงจะไม่มีใครที่ควบคุมหรือดูแลเงินโดยผู้เดียวเหมือน USDT
- Gemini และ Paxos เป็น Stablecoin ที่ได้รับการรองรับจาก NYDFS ซึ่งเป็น Stablecoin ที่มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานรัฐบาลของอเมริกาอย่างถูกต้อง
- Libra เองก็เป็น Stablecoin ประเภทนี้แม้ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดตัวแต่จากข้อมูลที่เปิดเผยออกมามันจะถูกรองรับด้วยตระกร้าของสกุลเงินหลายๆสกุล
Commodity – collateralized
Commdity นั้นหมายถึงสินค้าโภคภัณ์ต่างๆ ซึ่งวิธีนี้จะคล้ายคลึงกับ Fiat – collateralized ที่ต้องมีหน่วยงานกลางในการดูแล Stablecoin เหล่านี้อย่างไรก็ตามสินทรัพย์ที่ใช้ในการรองรับนั้นอาจจะเป็นอะไรก็ได้ไม่ว่าจะ ทองคำ น้ำมัน ที่ดิน หรือแม้สินทรัพย์ประเภทอื่นไม่ว่าหุ้นตราสารหรือกองทุนก็ตาม อย่างไรก็ตาม Stablecoin ประเภทนี้ยังไม่ได้รับการยอมรับมากเท่าที่ควรจากเมื่อเทียบกับ Fiat – collateralized รวมไปถึงหลักเกณในการทำให้สินทรัพย์กลายเป็นเหรียญนั้นมีข้อขัดแย้งกับกฎหมายหลักทรัพย์ในหลายๆประเทศ
- Digix Gold เป็น Stablecoin ที่ 1 DGX จะมีมูลค่าเท่ากับทองคำ 1 กรัมของทองคำซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ที่สิงคโปร์โดยมีการ Audit ความโปร่งใสทุกๆ 3 เดือน โดยสามารถนำเหรียญไปแลกทองคำจริงๆได้ที่สิงคโปร์
- Tiberius Coin (TCX) เป็น Stablecoin ที่ไม่ได้ถูกรองรับด้วยสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งแต่เป็นโลหะชนิดต่างๆที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์
- Omtoken เป็น Stablecoin ของคนไทยยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่มีแนวคิดที่จะรองรับด้วยสลากออมทรัพย์
Crypto – collateralized
การใช้ Crypto ในการรองรับ Stablecoin จะมีข้อเด่นตรงที่ระบบที่ถูกสร้างนั้นจะมีความเป็น Decentralized ที่ไม่อ้างอิงกับตัวกลางใดๆทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือได้ด้วยตัวมันเอง โดยวิธีการสร้างเหรียญ Stablecoin ประเภทนี้ผู้ใช้งานจะต้องใส่ Crypto ที่มีมูลค่ามากกว่า Stablecoin ที่ถูกสร้างออกมาเสมอๆเนื่องจากราคาของ Cryptocurrency นั้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก และหากมูลค่า Crypto ที่ค้ำประกันไว้มีมูลค่าลดลงก็อาจจะเกิดการตัดเงินทันที เช่น ถ้าเราเอา Ether ที่มีมูลค่า 400 USD จำนวน 1 ETH ค้ำประกันและระบบกำหนดว่าสวามารถสร้าง Stablecoin ในอัตราส่วน ¾ ได้นั้นเท่ากับว่าผู้ใช้งานจะได้ Stablecoin ที่มีมูลค่า 300 ดอลลาร์ และระบบจะมีจำนวนขั้นต่ำในการตัดบัญชีเสมอๆเช่นหาก Ether มีมูลค่าลดลงเหลือ 200 ดอลลาร์ หากผู้ใช้งานไม่ฝากเงินเพิ่มเข้าไปในระบบเงินค้ำประกันผู้ใช้งานก็จะถูกตัดไป
- BitUSD เป็น Stablecoin แบบ Crypto – collaterlized ตัวแรกของโลกซึ่งมาจากโปรเจคต์ของ BitShare ในปี 2014 ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็น SteemUSD ใน Steem ที่หลัง อย่างไรก็ตาม BitUSD กลับไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่
- Dai เป็น Stablecoin จากโปรเจคต์ MakerDAO ที่มำงานอยู่บน Ethereum โดยผู้ใช้งานสามารถใช้ Erc-20 Token ใดๆก็ตามที่ MakerDAO ยอมรับในการค้ำประกับมูลค่าเพื่อถอน DAI ออกมาการเพิ่มลดเหรียญ DAI จะถูกควบคุมโดย Smart contrart ซึ่งถูกกำกับจากผู้ถือเหรียญ MKR อีกทีหนึ่งโดยจำนวนเหรียญของ DAI จะถูกควบคุมโดย MakerDAO ที่จะคอยปรับลดดอกเบี้ยของเหรียญ DAI เพื่อไม่ให้เหรียญเกิดการเฟ้อ
Non – collaterlized
รูปแบบสุดท้ายคือการที่ Stablecoin นั้นไม่ได้ไม่ได้รองรับด้วยอะไรเลย ซึ่งมันอาจจะฟังดูแปลกๆแต่สิ่งที่น่าสนใจคือมันเป็นรูปแบบที่คล้ายคลุึงกับเงินปัจจุบันมากที่สุด ปัจจุบันการควบคุมมูลค่าของเงินตราในปัจจุบันอย่างเงินบาทหรือดอลลาร์จะใช้วิธีการปรับลดดอกเบี้ยหรือปรับลดอุปทานของเงิน ไม่ได้เกิดจากการนำ Asset ใดมาใช้ในการผลิต เงินตราปัจจุบันถูกค้ำประกันโดยระบบไม่ใช่สินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่นหากเหรียญนั้นมีมูลค่าในตลาดอยู่ที่ 2 ดอลลาร์ ระบบจะทำการเสกเหรียญขึ้นมาในระบบเพื่อทำให้ราคาของเหรียญลดลงเหลือ 1 ดอลลาร์
- Basis เป็น Cryptocurrency ที่ใช้อัลกอริทึ่มในการปรับ supply ของเหรียญในการทำให้ เหรียญมีมูลค่าคงที่
ประโยชน์และข้อจำกัดของ Stablecoin
หนึ่งในสิ่งที่ชัดเจนที่สุดของการมี Stablecoin คือการที่ผู้คนนั้นสามารถมีสิทธิในการเลือกใช้เงิน ในปัจจุบันโลกเรามีสกุลเงินมากมายและผู้คนก็ไม่ได้มีอิสระเสรีในการเข้าถึงสกุลเงินที่มั่นคง ประเทศบางประเทศอย่างซิมบับเวหรือเวเนซูเอล่าผู้คนต้องใช้เงินที่เสื่อมมูลค่าลงทุกวันในการใช้จ่าย หากผู้คนสามารถเข้าถึง Stablecoin ที่ถูกออกแบบมาต่างกันนั้น แต่เท่ากับว่าผู้คนไม่จำเป็นต้องยืดติดกับเงินสกุลใดสกุลหนึ่งอีกต่อไป
ข้อจำกัดของ Stablecoin นั้นคือปัญหาเรื่องกฎหมายและการใช้งานเนื่องด้วยนโยบายการเงินนั้นเป็นอาวุธที่แต่ละประเทศใช้มาตลอดในการสร้างสงครามการค้าการที่ Stablecoin จะถูกยอมรับในวงกว้างโดยไม่มีอำนาจรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ยากมากๆ อย่างในกรณที่ Libra เจอ ในทางกลับกัน Stablecoin อื่นๆอย่าง USDT ก็ที่เป็นแบบ Fiat collaterlized แม้จะทำได้ง่ายแต่ก็ต้องยืดกับตัวกลางที่พอสร้างเหรียญมากขึ้นเรื่อยต้นทุนกกับกฎเกณก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วน DAI แม้จะมีแนวคิดที่น่าสนใจแต่การสร้างเหรียญก็ต้องวางเงินค้ำประกันที่มากและยังมีข้อจำกัดที่ต้องเป็นคริปโตและนั้นแปลว่ามันไม่สามารถเข้าสู่ Mass adoption ได้ถ้าตลาด Crypto ไม่เติบโตซึ่งเราจะเห็นได้การใช้งานส่วนใหญ่นั้นยังอยู่ในโลกของคริปโตเท่านั้น