fbpx

George Soros เข้าซื้อ OverStock

พบกับ George Soros นักลงทุนผู้เคยสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่แก่ประเทศไทย
(เค้าเคยถล่มค่าเงินบาทจนประเทศไทยชิบหายเมื่อปี2540หน่ะ)

George Soros เข้าซื้อ OverStock

20 Mar 2019

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

ประวัติ

โซรอสเกิดเมื่อปี 1930 ที่เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี จอร์จ โซรอส เป็นลูกชายของ Tivarda Soros (เป็นชาวฮังการีเชื้อสายยิว ซึ่งเวลาที่เค้าเกิดเป็นเวลาก่อนที่นาซีจะบุกยึดฮังการี 14 ปี กฎสำคัญข้อเดียวในวัยเด็กของเขาคือ ต้องเอาชีวิตรอด อย่าให้ถูกจับได้ โซรอสกล่าวว่าพ่อของเขานั้นเป็นนักเอาชีวิตรอด เขาเล่าว่าพ่อนั้นเคยเป็นเชลยสงครามในช่วงปฏิวัติรัสเซียและแหกคุกออกมาได้ โดยเป้าหมายของพ่อของเขาคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ครอบครัว และตนเองจะต้องรอดชีวิตให้ได้

จอร์จ โซรอส ในวัยเด็กต้องซ่อนความเป็นยิวของ  โซรอสย้ายสัญชาติไปอังกฤษเมื่อปี 1947 และจบจาก London School of Economics ในปี 1952 โซรอสได้ทำงานเสริมเป็นพนักงานเสิร์ฟและเด็กยกกระเป๋าตามสถานีรถไฟ ทั้งๆ ที่เป็นนักศึกษาด้านปรัชญากับ Karl Popper ทางมหาวิทยาลัยได้ขอให้โซรอสช่วยเป็นติวเตอร์เพื่อแลกกับเงิน 40 ปอนด์จากกองทุน Quaker และสุดท้ายได้ทำงานกับธนาคาร Singer & Friedlander

1956 โซรอสย้ายไปนิวยอร์ก ในตำแหน่งนักเก็งกำไรจากการแลกเปลี่ยนกับบริษัท F.M. Mayer ตั้งแต่ปี 1956-59 และเป็นนักวิเคราะห์ กับ Wertheim and Company ตั้งแต่ 1959-1963 ระหว่างนี้นี่เองที่เข้าได้คิดค้น “Reflexivity Theory”  ซึ่งเป็นทฤษฎีที่เค้าใช้ทำกำไรจากตลาดมาโดยตลอด

จากนั้น ในปี 1970 เขาได้ก่อตั้ง Quantum Fund ร่วมกับ Jim Rogers ซึ่งสร้างรายได้ให้โซรอสอย่างมหาศาล  ก่อนที่ ปี 2011 Quantum Fund ของ Soros จะประกาศปิดตัวลงเพราะไม่อยากลงทะเบียนกับ กลต โดยผลตอบแทนต่อปีที่เค้าทำได้นั้นเฉลี่ยอยู่ถึง 32%  ต่อปี !!

วีรกรรมของจอร์สซังที่ผ่านมา

Black Wednesday (16 กันยายน 1992)

เล่าย้อนก็คือ ยุโรปมีแผนจะรวมสกุลเงินในปี 1999 เพื่อการเตรียมความพร้อม ก็เลยจัดตั้งระบบ Exchange Rate Mechanism (ERM) ในปี 1990 ซึ่งถูกออกแบบให้สกุลต่างๆของแต่ละประเทศเคลื่อนไหวไม่ผันผวนมากเกินไป และทำให้เกิดความคุ้นเคย ก่อนที่จะร่วมมาใช้สกุลเงิน Euro จริงในปี 1999

ปัญหาคือ โครงสร้างเศรษฐกิจที่ต่างกัน กล่าวคือ เยอรมันเจอปัญหาเงินเฟ้อสูง อยากขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ประเทศอื่นๆใน ERM ต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม ค่าเงินจึงแข็งค่าขึ้นไปด้วย แต่ตอนนั้นอังกฤษมีปัญหาคือ Unemployment Rate ที่สูง ถ้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจก็ควรลดดอกเบี้ย แต่เพราะอยู่ใน ERM จะทำแบบนั้นก็ทำไม่ได้

นักเก็งกำไร เห็นว่า สภาวะแบบนั้นอยู่ได้ไม่ตลอด ว่าแล้ว Hedge Fund อย่าง George Soross ก็เลยเข้าโจมตีค่าเงินปอนด์ (GBP) ด้วยการขาย Short ค่าเงินสกุลปอนด์อย่างหนักหน่วงในวันที่ 19 ก.ย. 1992 โดยเชื่อว่า ธนาคารอังกฤษ จะยอมลดค่าเงิน GBP ลงมา ซึ่งก็สำเร็จเสียด้วยนะครับ

ค่าเงิน GBP/USD จากที่ทำจุดสูงสุดในเดือน ก.ย. 1992 ที่ 2.00 GBPUSD ค่าเงินร่วงลงมาเกือบแตะ 1.40 GBP/USD หรือ อ่อนค่าร่วมๆ 30% ทีเดียว

แต่หันไปดูที่ตลาดหุ้นอังกฤษผ่านดัชนี FTSE 100 กลายเป็นพบว่า ตลาดทำจุดต่ำสุดก็ช่วงตอนที่ Soros ถล่มค่าเงินในเดือน ก.ย. นั้นเลย แล้วตลาดก็กลายเป็นขาขึ้นยาวหลังจากนั้นเป็นปีทีเดียว

วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ปี 1997

เมื่อ 20 ปีที่แล้วประเทศไทยได้ฝืนสามเหลี่ยมที่เป็นไปไม่ได้นี้อยู่ ประเทศไทยต้องการให้เงินไหลอย่างเสรี มีนโยบายการเงินเป็นของตัวเอง และ กำลังผูกค่าเงินคงที่ไว้กับค่าเงินต่างประเทศ

ในช่วงปี1985-1995 ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง การส่งออกเติบโต และมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในประเทศจำนวนมาก เมื่อมีเงินบาทจำนวนมากไหลเวียนอยู่ในระบบ  ประเทศไทยจึงเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้อ รัฐบาลได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับสูง ต่อมามีการประกาศ ให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าออกโดยเสรี แต่ประเทศไทยกลับยังคงใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่

เมื่อเกิดภาวะเช่นนั้นบริษัทเอกชนจึงทำการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศ (ส่วนใหญ่กู้ยืมเป็นสกุลเงินดอลล่าร์) ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าแทนการกู้เงินในประเทศ โดยไม่ทำการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (เนื่องจากเงินบาทมีค่าคงที่เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ผู้กู้เงินจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องป้องกันความเสี่ยง เพราะคิดว่าไม่มีความเสี่ยง) และไม่มีการควบคุมปริมาณจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย

ต่อมาในช่วงปี 1996 เศรษฐกิจสหรัฐกลับฟื้นตัว ทำให้รัฐบาลสหรัฐเริ่มขึ้นดอกเบี้ย เงินดอลลาร์จึงแข็งค่าขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทของไทยที่ผูกติดอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าตามไปด้วย การส่งออกของไทยเริ่มหดตัวลง เงินลงทุนเริ่มไหลออก แต่ค่าเงินบาทของไทยที่ควรจะอ่อนตามภาวะเศรษฐกิจกลับยังคงแข็งค่าตามเงินดอลล่าร์

ดังนั้น โซรอสจึงเห็นช่องทางทำกำไรจากการที่เงินบาทไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง โซรอสจึงได้โจมตีค่าเงินบาทด้วยการขายชอร์ตเงินบาท ในขณะนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยทำการป้องกันค่าเงินบาทด้วยการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปซิ้อเงินบาทที่โซรอสขาย จนกระทั่งมูลค่า ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 1997 เพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 40% ของเงินทุนสำรอง

การโจมตีของโซรอส ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 1997 ประเทศไทยได้ขอความร่วมมือจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกงในการเข้าป้องกันค่าเงินบาทอีกมูลค่ากว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในที่สุด ประเทศไทยก็ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท (Managed Float) ในเดือนกรกฎาคม 1997 ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเกือบ 100% (จาก 25 บาท/1 $ >> 50 บาท /1$) ในทันที ส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจซึ่งมีการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศจำนวนมากต้องมีหนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว บริษัทจำนวนมากล้มละลาย ธนาคารมีหนี้เสียสูงเป็นประวัติการณ์

วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยครั้งนี้ได้ส่งผลลามไปถึงเศรษฐกิจและค่าเงินของประเทศในภูมิภาคเอเชียอื่นๆ อีกหลายประเทศ จนได้ชื่อว่าโรคต้มยำกุ้ง (Tom Yum Kung Decease) ประมาณกันว่าโซรอสสามารถทำกำไรจากการโจมตีค่าเงินเอเชียครั้งนี้ประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

แล้วจอร์สซังซื้ออะไรที่เกี่ยวกับคริปโตไป

คำตอบคือ OverStock Inc ที่เป็นบริษัทแม่ของ tZero บริษัทที่เกี่ยวกับแพลทฟอร์มซื้อขายคริปโต ผ่านการระดมทุนแบบ STO (Security Token Offering) สำหรับ Token ที่ได้จากการระดมทุน STO ของ tZero นั้น ไม่ได้ถูกจัดเป็น Coin หรือ Token ทั่วไป แต่ถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งในไทยมีบุคคลสำคัญในวงการคริปโตไทยเดิมพันกับการระดมทุน tZero ไว้จำนวนมาก จุดสำคัญของหุ้น Overstock คือแพลทฟอร์ม tZero ที่กำลังจะปฏิวัติวงการหลักทรัพย์ของโลกนี้

tZERO Platfrom คืออะไร

tZero คือ แพลตฟอร์ม distributed ledger ที่ช่วยสร้าง Security Token บนแพลตฟอร์ม tZero ในแบบที่ถูกต้องตามหลักของ SEC เพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถระดมทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ได้ นักพัฒนาของ tZERO หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสร้างทางเลือกใหม่ให้กับตลาดหุ้น เพราะจุดมุ่งหมายของบริษัท คือ การใช้เทคโนโลยีมาปฏิวัติ Wall Street เพื่อให้เป็นตลาดหุ้น แบบใหม่ที่ดีกว่า

ซึ่ง tZERO เป็นแพลทฟอร์มแรกที่สำนักงาน ก.ล.ต. ออกกฏหมายควบคุมและเผยแพร่แพลตฟอร์ม cryptocurrency แห่งแรกในสหรัฐอเมริกา! ตัวบริษัทเองได้ยื่นแบบฟอร์ม D ของ SEC ในช่วงต้นปี และแบบฟอร์ม D คือเอกสารสัญญาการขาย Securities ซึ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาตัวบริษัทได้อัพเดท Reg D และจัดเก็บข้อมูลเพื่อรวม Security Token Protocols แล้ว

จอร์สซังซื้อหุ้นตัวนี้ในช่วงปลายปี2017 ช่วงที่ตลาดกำลังบูม จากนั้นได้ทำการขายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์2019ที่ผ่านมา

สำหรับจุดซื้อของจอร์ส นับว่าเป็นราคาที่ถูกมาก แต่คำถามที่น่าสงสัยคือ ทำไมจอร์สถึงขายหุ้นตัวนี้ออกไปในเวลานี้ ทั้งที่ราคาของมันก็ลดลงมาจบเกือบเท่าที่จอร์สซื้อแล้ว ตรงนี้ตีความได้2ประเด็น ประเด็นแรกคือ จอร์สได้ขายหุ้นไปก่อนหน้านี้ แล้วหอบกำไรหนีไปแล้ว อีกประเด็นคือ จอร์สมองว่าอุตสาหกรรมนี้แพงหรือเสี่ยงเกินไป จอร์สจึงขายออกมาก่อน

สำหรับแอดแล้ว หุ้น Overstock (Ticker:OSTK) เป็นหนึ่งในการลงทุนด้านคริปโตชั้นยอดที่ราคาไม่แพงจนเกินไป แล้วได้แพลทฟอร์มด้านบล็อกเชนอย่าง tZero มาด้วย (หากตกรถในการระดมทุน tZero การซื้อหุ้นตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกนะ) แม้แต่แอดเองยังอยากได้หุ้นตัวนี้ในครอบครองเลย แต่ไฉนคนที่อยู่กับตลาดการเงินมานาน แถมซื้อในราคาที่ดีมาก ราว16-18$ต่อหุ้น อย่างจอร์สซังถึงได้ขายหุ้นออกไป

Article
, ,
Writer

Maybe You Like