fbpx

การใช้พลังงานของ “Bitcoin” ในช่วงฤดูร้อน จะเพิ่มขึ้นหรือล่วง?

==========================
follow blockchain review community:
telegram channel: https://buff.ly/2z99gfW
telegram group: https://buff.ly/2z99gws
twitter: https://buff.ly/2IVjQXv
web site : https://buff.ly/2lZPR89
youtube : https://tinyurl.com/y9tcko3a

การใช้พลังงานของ “Bitcoin” ในช่วงฤดูร้อน จะเพิ่มขึ้นหรือล่วง?

6 Nov 2018

มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ การขุดบิทคอยน์เป็นธุรกิจที่มีแพงและมีมูลค่าสูงมากรูปแบบนึง และยังมีผลกำไรที่น้อยลง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี2016 รางวัลในต่อละบล็อคลดลงครึ่งหนึ่ง ทำให้เหล่านักขุดได้รับเหรียญน้อยลงถึง50% (เช็ครางวัลจากการขุดได้ตามลิ้งนี้ https://www.bitcoinblockhalf.com ) แต่การแข่งขันระหว่างนักขุดกลับไม่ได้ลดลง มันกลับเพิ่มขึ้น และการเพิ่มขึ้นของเหล่านักขุดส่งผลให้ความร้อนเพิ่มมากขึ้น จากการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้นและความร้อนที่ปล่อยออกมาจากการขขุด ส่งผลต่อสภาพแวดล้อม

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

อย่างไรก็ตามการใช้พลังงานอย่างเข้มข้น เช่นการทำเหมืองBitcoin
ทำให้มีการตั้งคำถามว่า การใช้พลังงานของ Cryptocurrency จะเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลหรือไม่
แม้ว่าการบริโภคจะเพิ่มขึ้นในภาพรวม อะไรคือความแตกต่างในช่วงฤดูร้อน

ข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้าของ Bitcoin ที่มีการรวบรวมอาจจะยังไม่ปริมาณข้อมูลไม่มากพอ ไม่นานพอ ที่บอกคำตอบที่ถูกต้องอบ่างแท้จริงสำหรับคำถามนี้ แต่ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าฤดูร้อนทำให้การใช้พลังงานของ Bitcoin น้อยลงเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ชัด เนื่องจากราคาไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนทำให้ต้นทุนในการทำเหมือง Bitcoin ลดลง

การเติบโตอย่างมั่นคง

เมื่อกล่าวถึงคำถามเกี่ยวกับพลังงานของ Bitcoin สิ่งแรกที่ต้องระบุก็คือข้อมูลโดยตรง เกี่ยวกับการใช้พลังงาน ที่ยังไม่ได้รับการจัดทำโดยบริษัทขุดเหมืองคริปโตขนาดใหญ่ ยังคงมีการประมาณการทางอ้อมจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยอิงจากเมตริกต่างๆ เช่นผลกำไร ความยากลำบาก(DifficultRate) และประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการบริโภคมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายนปี2014 การศึกษาเกี่ยวกับการใช้พลังงานอย่างเข้มงวดเป็นครั้งแรกได้รับการเผยแพร่โดย Karl J. O’Dwyer และ David Malone จาก National University Of Ireland Maynooth โดยประมาณว่าค่าใช้จ่ายด้านพลังงานประจำปีของ Bitcoin อยู่ระหว่าง 0.1-10.0GW (การคำนวณความไม่แน่นอนการใช้อุปกรณ์การทำเหมือง) ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะตัดสินใจโดยไม่อธิบายว่าทำไมถึงใช้ 3GW ซึ่งเทียบเท่าระดับการบริโภคของไอร์แลนด์ในแต่ละปีในเวลานั้น

ตั้งแต่นั้นมาเป็นข้อมูลที่อ้างถึงกันอย่างแพร่หลายได้มาจากดัชนีการใช้พลังงานของ Bitcoin (BECI) โดยนักวิเคราะห์ Alex de Vries BECI มีตัวเลขที่สูงกว่ารูปแบของ O’Dywer และ Malone และความนิยมในการซื้อขายของBitcoinยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในเดือนกุมภาพันธ์ปี2017

ในเดือนธันวาจะทำให้การใช้ไฟฟ้าต่อปีอยู่ที่ 32TW/h ต่อปี เท่ากับ3.65GW ในทางตรงกันข้ามตัวเลขล่าสุดในวันที่ 12ก.ย. ระบุว่าเครือข่าย Bitcoin กำลังกิน 73TW/h หรือประมาณ 8.8GW ต่อปี อย่างไรก็ตามในรายงานแบบสแตนท์อโลน peer-reviewed จากเดือนพฤษภาคม Alex de Vries ใช้ปริมาณการบริโภคต่อปีที่ 2.55GW (22.45TW/h)

ดังตารางข้อมูลของ Alex de Vries แสดงให้เห็นว่ามีการลดลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังคงเพิ่มขึ้น
การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงครึ่งแรกของปี2018 เมื่อราคา BTC ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับสูงสุดในเดือนธันวาคมที่ราคา 19,900 ดอลลาร์ ตัวอย่างเช่นเมื่อราคาลดลง46.2%ในช่วง3เดือน จากจุดสูงสุดในเดือนธันวา2017ถึงวันที่17เดือนกุมภาพันธ์2018 ที่ราคา 10,707 ดอลลาร์ การใช้พลังงานของ BTC เพิ่มขึ้น42.6%จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วจาก 34.96TW/h เป็น 49.85TW/h และเมื่อมูลค่าของ BTC ลดลงร้อยละ 9.87 ระหว่างเดือนเมษายนถึงสิ้นมิถุนายน (เป็น6,366ดอลลาร์) การใช้ไฟฟ้าของการขุด Bitcoin เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.9 (ถึง 71.1TW/h )

แม้ราคา Bitcoin จะตกลงมา แต่การใช้พลังงานโดยรวมกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการลดลงเพียงเล็กน้อยในช่วงฤดูร้อน ความเห็นส่วนตัวคือราคา Bitcoin ยังลดมาไม่มากนัก และเครื่องขุดยังพอทำเงินจ่ายค่าไฟได้ ทำให้มีการขุดเหรียญมาสะสม แต่ในระยะยาวหากราคาของ Bitcoin ไม่ปรับตัวขึ้นก็อาจจะมีแนวโน้มที่หลายบริษัทและนักขุดอีกหลายกลุ่มเลิกการขุด เพราะอาจไม่คุ้มทุนอีกต่อไป

อีกมุมมองนึงก็คือ ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นทำให้ความยากในการขุดเพิ่มมากขึ้นไปอีก (การขุดของเครื่องขุดในแต่ละรุ่นใช้ไฟไม่เท่ากัน ขุดได้ไม่เท่ากัน แต่มีประสิทธิภาพหรือกำลังการประมวลผลเทียบกับไฟฟ้าทีใช้ อันไหนให้กำลังการประมวลผลที่มากกว่า ถือว่ามีประสิทธิภาพดีกว่า)

โดยปกติแล้วหากราคาไม่มีการปรับขึ้นการซื้อเครื่องขุดในบางช่วงอาจเสี่ยงที่จะขาดทุน เพราะการขุดใช้เวลาขุดระยะนึงถึงจะคืนทุน ส่วนมากคนที่ขุดกำไรเพราะขุดเหรียญมาดอง และราคาเหรียญขึ้นหลังจากนั้น มีข้อยกเว้นคือช่วงที่ตลาดตื่นตัวมาก ทำให้นักขุดหน้าใหม่ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ จากการขุดเพียง1-2เดือน และราคาเหรียญที่ขุดเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ความเสี่ยงของเหล่านักขุดคือ ระหว่างที่ยังไม่คืนทุน ราคาเหรียญไม่ไปไหน แต่มีเครื่องใหม่ที่คุ้มกว่าออกมา ทำให้ค่าดิฟเพิ่มขึ้น ขุดได้น้อยลง ใช้เวลาคืนทุนมากขึ้น และมากขึ้นไปเรื่อยๆ จะอาจจะไม่คืนทุน อีกตัวแปรนึงซึ่งถือเป็นตัวแปรรองลงมาคือค่าไฟ หากมีการปรับค่าไฟเพิ่มขึ้น หรือการไปขอเรทค่าไฟพิเศษ (ส่วนมากนักขุดจะไปขอเรท TOU จากการไฟฟ้า)

Article
, ,
Writer

Maybe You Like