ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต Binance กำลังขยายไปสู่ด้านอื่นนอกการแพลทฟอร์มการซื้อขาย (Exchange) เพื่อเฟ้นหาและสร้างยูนิคอร์นตัวต่อไป
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!บริษัทร่วมทุนของ Binance Labs จะเปิดโครงการโรงบ่มเพาะธุรกิจใหม่ ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน , เมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา , เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย สิงคโปร์และฮ่องกงในเดือนมีนาคม 2019
บริษัทประกาศการรุกคืบในกิจการใหม่นี้สู่สาธารณะ โดยประกาศโครงการระยะเริ่มต้นทั้งหมดในช่วง10สัปดาห์ที่ผ่านมา และโครงการที่ San Francisco ที่จะจบในวันศุกร์นี้ ในปีหน้าโครงการบ่มเพราะธุรกิจใหม่ภายใต้ Binance Labs จะออกเผยโฉมสู่สาธารณะชน โดยจัดแสดงทั้งสิ้น3สัปดาห์ที่ประเทศสิงคโปร์
มีเพียง8ทีมที่ได้รับการสนับสนุนจาก Binance Labs จากกว่า500โครงการที่นำเสนอ ทั้ง8ทีมได้รับเงินสนับสนุนทีมละ 5แสนดอลลาร์ และเข้าร่วมศูนย์บ่มเพาะที่ซานฟรานซิสโกในปีนี้ Ella Zhang ผู้นำของ Binance Labs บอกกับ CoinDesk ว่าบริษัทยังคงหาอีก2ทีมที่เหมาะสม และให้การสนับสนุน โดยจะจัดการเฟ้นหาอีก2ทีมในปี2019
ในขณะเดียวกัน Zhang คาดการณ์ว่าโครงการจากโครงการในฮ่องกงจะมุ่งเน้นไปที่โซลูชั่นสำหรับภาคการเงินแบบดั้งเดิมแตกต่างจากปีนี้ ในปี2019ทีมที่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับเงินจำนวน 2.5แสนดอลลาร์ และถูกส่งไปเข้าศูนย์บ่มเพาะที่สิงคโปร์เพื่อพัฒนาโปรเจคต่อไป จำนวนทีมที่ตั้งไว้สำหรับศูนย์บ่มเพาะที่ประเทศสิงโปร์คือ10ทีม และจะเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองของศูนย์บ่มเพาะ ( ศูนย์บ่มเพาะที่ San Francisco รับ10ทีม สนับสนุนทีมละ5แสนเหรียญ ปัจจุบันเหลือที่นั่งอีก2ทีม , ศูนย์บ่มเพาะที่ Singapore รับ10ทีม สนับสนุนทีมละ2.5แสนเหรียญ ปัจจุบันเหลือที่นั่งอีก10ทีม
Zhang กล่าวว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือ การส่งเสริมชุมชนของนักพัฒนา และพัฒนาโครงการโทเค็นที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเราอาจได้เห็นเหรียญของโปรเจคเหล่านั้นบนกระดานในอนาคต นอกจากนี้ทีมงานจะสามารถโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่านแพลตฟอร์ม Binance หลังจากจบจากโครงการ หนึ่งในโครงการของศูนย์บ่มเพาะสาขา San Francisco โครงการ SafePal กำลังพัฒนากระเป๋าแบบ Hardware Wallet ซึ่งจะมีราคาเพียง 10 เหรียญเท่านั้น เพื่อให้คนทุกคนสามารถเข้าถึงความปลอดภัยในราคาย่อมเยา
Binance อาจนำบางโครงการที่เหมาะสมมาใช้กับ Binance และโครงการเหล่านี้อาจดึงดูดผู้ใช้ใหม่ให้กับ Binance นอกจากนั้น Binance จะผลักดันกระเป๋าคริปโตแบบ Hardware Wallet ให้แก่ชุมชนและผู้ใช้ของ Binance
ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ต่อความต้องการของตลาด
โปรแกรมการบ่มเพาะทำให้ Binance สร้างเทคโนโลยีใหม่ ในขณะที่ผู้ก่อตั้งโปรเจคสามารถเข้าถึงนักลงทุนที่มีศักยภาพและโปรโมชันสื่อสังคมออนไลน์ได้ แม้ว่าการหาผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดเป็นสิ่งที่ท้าทายในพื้นที่นี้ แต่ก็ช่วยให้บริษัทเชื่อมโยงผู้พัฒนากับผู้ใช้สินค้าเข้าด้วยกัน เพื่อรับฟังปัญหาที่แท้จริง และพัฒนาสิ่งที่ตลาดต้องการอย่างแท้จริง
“เราจะช่วยพวกเขาในการสร้างช่องทางการขายและช่องทางการจัดจำหน่าย” นาย Zhang กล่าวถึงโครงการที่เข้าร่วมโครงการรวมถึง SafePal “เรามีฐานผู้ใช้ใน Binance ที่มีผู้ใช้มากกว่า 10 ล้านคน “
พี่เลี้ยงของโปรเจคสามารถเลือกลงทุนใน Startup ต่างๆ ในศูนย์บ่มเพาะหลังจบโครงการบ่มเพาะได้ โดยพี่เลี้ยงในโครง เช่น Lily Liu ผู้ก่อตั้ง Earn.com และถูกซื้อกิจการไปโดย Coinbase
Robert Yau ผู้ก่อตั้ง Path ซึ่งเป็น บริษัทซอฟต์แวร์ที่เพิ่งจบโครงการจาก Binance Labs บอกกับCoinDeskว่า ความหลากหลายของพี่เลี้ยงช่วยทีมของเขาสร้างโซลูชัน API ที่เหมาะสมบน Blockchain
ความเห็นส่วนตัว ต้องบอกว่า Binance ฉลาดมาก จ่ายเงินเล็กน้อยเพื่อนำแต่ละทีมเข้ามาบ่มเพาะยังสถานที่ของตนเอง เพื่อตรวจสอบว่าโปรเจคนี้จะไปรอดหรือไม่ มากกว่าการฟังการนำเสนอแล้วให้เงิน เปลี่ยนใหม่เป็นการให้เงินนิดหน่อย แล้วเอาเข้ามาสอน เอาเข้ามาดูเลย ถ้าจบโครงการคุณเหมาะสม เราถึงจะลงทุนก้อนใหญ่ ที่เจ๋งกว่าคือซื้อใจทีมงานที่ดึงมาทำงานสอนบ่มเพาะตรงนี้ด้วยการให้สิทธิลงเงินในบริษัทเหล่านี้หลังจบโครงการ โครงการนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการระดมทุนของ Binance ลงไปได้มาก ผ่านการศึกษาเจ้าของโปรเจคแต่ละโปรเจคในช่วงเวลาที่อยู่ในศูนย์บ่มเพาะ และทั้งหมดดูแลโดยทีมงานที่เก่งและเชื่อถือได้ อนาคตหากบล็อกเชนมีการใช้งานไปทั่วโลกต้องบอกเลยว่า Binance อาจเป็นบริษัทที่มีมูลค่าแห่งนึงของโลก ผ่านการโครงการที่ Binance ลงทุนและเติบโต รวมถึงการเติบโตของ Binance เอง
