fbpx

จงเล่นกับมันเพราะโอกาส ไม่ใช่เพราะศรัทธา

วันนี้เราเล่นกับมันแบบโอกาสหรือแบบศรัทธา
วันนี้เราซื้อเพราะโอกาสทำกำไรหรือบูชามัน

จงเล่นกับมันเพราะโอกาส ไม่ใช่เพราะศรัทธา

4 Apr 2019

ถึงเพื่อนชาวคริปโตที่เคารพรัก มันอาจจะแปลกที่เพจด้านบล็อกเชนและคริปโต จะมาพูดเรื่องโอกาสและศรัทธา แต่แอดมิน(ผู้เขียน)อยากบอกเล่าคริปโตในอีกมุมนึงที่สำคัญ และอาจทำให้เรามองเห็นภาพมากขึ้น บางทีสิ่งที่ดีอาจเก็งกำไรได้ไม่ดี บางทีสิ่งที่ห่วยกลับปั่นราคาเก็งกำไรได้ดีมาก นั่นแหละคือสัจธรรมของโลกนี้

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

แนวคิดของ Bitcoin ไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่หรือสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นมานานมาก ตั้งแต่ปี1992 หรือเมื่อประมาณเกือบ30ปีที่แล้ว ที่น่าแปลกก็คือ คนกลับพึ่งมาเชื่อมันผลลัพธ์อันเกิดจากแนวคิดเหล่านั้นกับผลผลิตทางแนวคิด ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ10ปีก่อน ผมกำลังพูดถึง Bitcoin อยู่ เหรียญสกุลเงินดิจิทัลเหรียญแรกบนบล็อกเชน แท้จริงแล้ว Blockchain เป็นแนวคิดที่ถูกต่อยอดขึ้นมาจากแนวคิดที่คคล้ายคลึงกันก่อนหน้า อย่างการออกแบบ Hashcash ของ Adam Back ในปี1997 และเอกสารตีพิมพ์หัวข้อ “Pricing via Processing or Combatting Junk Mail” ของ Cynthia Dwork, Moni Naor และ Eli Ponyatovski เมื่อปี1992

หากลองย้อนดูแบบนี้แล้ว จะรู้เลยว่าแนวคิดนี้มันมีมาสักพักแล้วแหละ แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ในยุคนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่เร็ว และขาดความเสถียร ถ้ามีโหนดเกิดขึ้นเวลานั้น อาจจะหลุดการเชื่อมต่ออย่างบ่อยครั้งก็ได้ ประเด็นหลักที่อยากจะพูด2เรื่องในบทความนี้คือ 1.จงเล่นกับมันอย่างโอกาส ไม่ใช่เพราะศรัทธา ถือเป็นแนวคิดหลักในการอยู่ในตลาดนี้ของแอดเลย 2.ไม่ใช่ Bitcoin ที่สร้างขึ้นใหม่ไม่ได้ แต่สิ่งที่เราสร้างใหม่ไม่ได้คือความเชื่อมั่นของคนที่มีต่อมันต่างหาก

### จงเล่นกับมันอย่างโอกาส ไม่ใช่เพราะศรัทธา

ต้องยอมรับว่า Equity (แอดมองว่ามันเป็น Equity ตัวนึง แต่บางท่านอาจจะมองต่าง ก็ขออภัยล่วงหน้า)ที่มีความผันผวนสูงมาก ทำให้มีโอกาสกำไรมาก หรือดอยมาก สภาพคล่องก็มีในระดับนึง อาจจะไม่มากเท่าฟอเร็กซ์ แต่หากมองมันเป็น Equity แล้วเทียบกับหุ้นตัวนึง พวกคริปโต10อันดับแรกของตลาด ส่วนมากมีโวลุ่มหลัก 100ล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งนั้น (ซึ่งโวลุ่มตรงนี้มีการผสมโรงของบอทหรือการสร้างโวลุ่มปลอมแน่นอน แต่มันก็ยังพอมีสภาพคล่องในระดับนึงอยู่ดี) ทำให้สามารถซื้อขายได้จำนวนมากในแต่ละวัน สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโต เป็นเหมือนหุ้น ที่ทำกำไรได้มาก โดยที่คุณไม่ต้อง Leverage หรือ Overtrade แบบฟอเร็กซ์ แต่นั่นก็แลกมาด้วยความเสี่ยง เพราะการลงทุนบางครั้งอาจดอยยาวแบบส่งต่อให้รุ่นหลานดูเป็นของต่างหน้า เพราะหลายตัวราคาล่วงไปแบบที่ไม่น่าจะกลับมาราคาเดิมได้

 

ในความโชคร้ายก็มีความโชคดีอยู่ เพราะเราต่างรู้ว่าผู้เล่นในตลาดนี้จะวนเวียนอยู่กับข่าวดี และสินทรัพย์เดิมๆที่พัฒนาโปรเจคจริง และมีการทำการตลาดที่ดีด้วย โดยปัจจัยหลักของตลาดนี้คือ “มองมันเป็นโอกาส และเล่นมันกลับอารมณ์คน” มีคำกล่าวคำนึงที่ว่า หากลงใน ICO ที่ Hype คุณมีโอกาสน้อยมากที่จะขาดทุน หากลงใน ICO ที่ไม่ Hype คุณมีโอกาสสูงมากที่จะขาดทุน นั่นเป็นเรื่องจริง เพราะโลกคริปโตเราตัดสินใจผ่านกระแสทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุนในโปรเจค (ICO STO ETO มันมีหลายชื่อก็จริง แต่มันก็ยังเป็นโปรเจคเทคโนโลยีเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างเท่านั้น) หรือการซื้อเหรียญต่อจากคนอื่นในตลาด เหรียญที่คนสนใจมาก เป็นกระแส จะมีทั้งสภาพคล่องที่ดี และโอกาสในการขึ้นที่มากกกว่า ส่วนเรื่องราคาจะนิ่งหรือเหวี่ยงแรง แล้วแต่เจ้าปั่นเลย

เมื่อคุณกำไรควรถอนเงินออกมาบ้าง เพราะเมื่อโอกาสมา คุณกำไร แต่เราไม่รู้ว่าวันไหนเราจะขาดทุน คนเข้ามาในตลาดนี้ส่วนมากกำไรตอนช่วงขาขึ้นทั้งนั้น มีเพียงส่วนน้อยที่กำไรขาลง ส่วนที่กำไรขาลงส่วนมากก็เล่นเพราะรู้ข้อมูลภายในมากกว่าคนอื่น หรือทำวิจัยในการลงทุนมากกว่า เราจะเห็นว่าการกำไรบนคริปโตเป็นการทำกำไรที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการปั่นราคาระหว่างกัน จากนักเทรด จากเจ้าของเหรียญบางเหรียญ จากเจ้าของตลาดแลกเปลี่ยน

โปรเจคส่วนมากยังพัฒนาไม่ถึงไหน ยังไม่กำไรกันเท่าไหร่ แต่คนคาดหวังว่าวันนึงมันทำกำไรแล้วจ่ายปันผลเหมือนกิจการ หรือถูกนำไปใช้ด้วยความต้องการที่มากอันทำให้ราคาของเหรียญอาจสูงขึ้นได้ ซึ่งทั้งสองข้อที่กล่าวไป ก็มีน้อยมากในตลาด ทำให้ราคาทั้งหมดของตลาดคริปโต เป็นราคาคาดหวังในอนาคตทั้งสิ้น

นักเทรดพึงเตือนตัวเองไว้ว่า สิ่งที่เราซื้อวันนี้มันไม่ได้ถูกหรือแพง แต่ละคนให้ราคามันไม่เท่ากัน เพราะมันไม่สามารถประเมินได้ จนกว่าอุตสาหกรรมนี้จะเริ่มมีบทบาทและเริ่มทำกำไรได้จริง ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินโปรเจคก็ยังไม่สาย แต่ที่เราซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ในปัจจุบัน เพราะอาจขายได้แพงกว่าที่ซื้อเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าคุณสามารถทำกำไรจากมันได้ ก็เทรดไปเถอะ กำไรก็คือกำไร ไม่ว่ามันจะมาจากการเก็งสินทรัพย์ตัวไหน สำคัญคือ จัดการความเสี่ยงตัวเองให้ดีก็พอ

###อีกข้อนึงซึ่งสำคัญมาก มันคือ “สิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ไม่ได้ ไม่ใช่ Bitcoin แต่มันคือความเชื่อมั่นของคนที่มีต่อมันต่างหาก”

เรื่องนี้ถือว่าเป็นสาระสำคัญมาก หากเราจะมอง Bitcoin ในฐานะ Asset หรือ Currency เพราะเราต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่เราถือมีความเสี่ยงอะไรบ้าง มีมูลค่าเพราะอะไร และจะเสื่อมมูลค่าเพราะอะไร สำหรับเรื่อง Asset หรือการเป็นสินทรัพย์ ความเห็นส่วนตัวของผม อาจจะลบต่อ Bitcoin ไปสักหน่อย ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณทักษิณซึ่งเป็นอดีตนายก Bitcoin นั้นลอยเกินไป

วันนี้ผมทำชิพพลาสติก1อันเอาไว้ใช้ในคาสิโนขึ้นมา เอาไปขาย มันคงขายยาก แต่ผมทำเหรียญ1เหรียญลงบล็อกเชน ความอยากซื้อของผู้คนกลับเพิ่มขึ้นมา ทั้งที่แท้จริงเหรียญเหมือนเดิม แค่ย้ายจากสิ่งที่จับต้องได้ (Physical) มาเป็นข้อมูลตัวเลขบนเป็นโลกเครือข่ายที่มีการเข้ารหัส (Digital) แต่เหรียญนั้นยังคงมีมูลค่าคงเดิม สามารถในใช้ในคาสิโนได้เหมือนเดิมเลย เปลี่ยนจากการถือชิพเป็นการถือเหรียญดิจิทัลแทน ใช้งานได้เหมือนกัน แปลว่าคุณสมบัติที่แยกย่อยได้นั้น ไม่ใช่คุณสมบัติเด่นหรือคุณสมบัติเฉพาะ เพราะเมื่ออะไรก็ตาม เมื่อเราเอามาทำเหรียญดิจิทัล ก็สามารถแยกย่อยได้หมด ทีนี้สิ่งที่อยู่หลังดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ไม่ใช่มูลค่าในตัวมัน แต่เป็นการที่คนเชื่อมั่นมันต่างหาก

ความเชื่อมั่นคือพลังอันยิ่งใหญ่ สุภาษิตของฝรั่งเศสได้กล่าวไว้ว่า “ศรัทธาสามารถเคลื่อนได้แม้นขุนเขา” คำกล่าวนี้ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เพราะเมื่อคุณศรัทธาในอะไรมากๆ มันก็สามารถมีมูลค่าในสายตาคุณ แต่เมื่อคนในสังคมศรัทธาในอะไรมาก มันก็จะมีมูลค่าในสังคมและผู้คนในสังคมนั้นด้วย ดังนั้นเมื่อบรรพบุรุษของเรากล่าวชาบูทองคำ มันจึงไม่แปลกใจที่ทองคำจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ในอดีตทองคำมีมูลค่าน้อยมาก แต่ตอนหลังเราให้ค่ามันมันจึงมาค่า กลับกัน หินแกะสลักเมื่อก่อนเราให้ค่ามันเยอะมาก แต่ปัจจุบันเรากลับให้ค่ามันน้อยมาก สิ่งที่นี้กำลังจะบอกว่าศรัทธานั้นเบาเหมือนขนนก มันอาจใช้เวลาสักหน่อย แต่มันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้นให้ระวังการเล่นกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะสิ่งเดียวที่มีในตอนนี้ คือความเชื่อมั่นของคน ราคาจะไปได้ดีเสมอ จนกว่าความเชื่อมั่นของคนจะหมดลง

การที่มีคนบอกว่า มันมีจำกัดคือข้อเด่น ตรงนี้ผมเห็นต่างว่า การที่ Bitcoin มีจำกัดเป็นเพราะมนุษย์ที่สร้างมันกำหนด แต่ทองคำนั้น เป็นการมีจำกัดโดยธรรมชาติ (แค่ในเวลานี้) เพราะยังไม่สามารถสร้างเพิ่มได้ หรือแปลงธาตุได้ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ ดังนั้นเมื่อสาเหตุของการมีจำกัด (The reason about limitation) ของทองคำและคริปโตนั้น มีที่มาที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ควรนำมาเปรียบเทียบว่าดีกว่าอย่างไร

 

Article
Writer

Maybe You Like