ปรเทศไทยพิสูจน์ว่า Crypto ถูกยอมรับได้เเม้จะอยู่ในระบอบเผด็จการ
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!เดือนพฤษภาคมปี 2014 ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเผด็จการทหาร นำโดยกองทัพไทยทำการรัฐประหาร ควบคุมการใช้งานเเละเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ต ระงับการใช้รัฐธรรมนูญของอาณาจักร และปลดวุฒิสภา ผู้สังเกตุอย่างเงียบๆจะได้รับการอภัย นั่นเป็นเหตุผลว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยเป็นประเทศที่เหมาะสำหรับการใช้และการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เรื่องเกี่ยวกับ crypto ในประเทศไทย สามารถยืนยันสมมุติฐานข้างต้นได้ หลายเดือนก่อนได้มีการศึกษากรณี blockchain และ cryptocurrencies สามารถมีพื้นที่ของตัวเองภายใต้การปกครองแบบเผด็จการได้หรือไม่ ช้าเเต่ชัวร์ รัฐบาลทหารเปิดเผยว่า การดำเนินการตามแผนการที่จะทำให้ ICOs ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นได้(crypto-exchange) และเพื่อบังคับใช้กฎระเบียบที่ทำให้ crypto ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมกันเมื่อรัฐบาลอนุญาติให้มีกิจกรรมทางการเมืองอีกครั้งสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า เพิ่มความเป็นไปได้อย่างมาก crypto จะมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจของประเทศไทย แม้การเมืองในประเทศยังเป็นประชาธิปไตยปลอมๆอยู่ เเต่มันก็เริ่มเปิดให้เห็นเสรีภาพเล็กน้อย
ไม่มี crypto สำหรับธนาคาร
มีเหตุการณ์มากมายเกี่ยวกับ crypto เกิดขึ้นในปีเดียว และไม่ต้องพิสูจน์อะไรเกี่ยวกับ Bitcoin มากไปกว่านี้ บางคนคงจะจินตนาการถึงอนาคตที่สดใสสำหรับ cryptocurrencies ในไทยเสียด้วยซ้ำ
เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยได้ออกคำสั่งให้ธนาคารต่างๆประเทศ ขอให้พวกเขาหยุดการติดต่อกับบริษัทใดก็ตามที่ค้าขายหรือทำงานร่วมกับ cryptocurrency รอจนกว่าจะมีการผ่านร่างของกฎหมายในอนาคต
ความคืบหน้าในประเทศไทยได้เข้ามาส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับ crypto ที่ก่อนหน้านี้เคยมีท่าทีที่สับสนเกี่ยวกับ cryptocurrency ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ในเดือนกุมภาพันธ์ ขอให้าหยุดการให้บริการกับบริษัทที่ค้าขายหรือทำงานร่วมกับ cryptocurrency จนกว่าจะมีการผ่านกฎหมายในอนาคต
สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพได้กลายเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกในประเทศที่ดำเนินการตามคำสั่งนี้และหยุดยั้งการทำธุรกรรมกับ TDAX
ไม่กี่วันต่อมา ธนาคารกรุงไทยได้ทำตามคำขอและประกาศว่ากำลังยุติการทำธุรกิจกับ TDAX หลังจากที่ประธาน นายสมชาย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการให้ทำเช่นนั้น เช่นเดียวกับธนาคารกรุงเทพ นี่เป็นข้อสังเกตที่น่ากลัวสำหรับอุตสาหกรรม cryptocurrency ในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ TDAX ตัดสินใจยกเลิกการลงทะเบียน ICO ใหม่เนื่องจากกลัวว่า ICO จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการลงทุน (Initial Coin Offerings – ICOs)
ใหญ่เกินจะมองข้าม
เมื่อพิจารณาความเห็นของคุณสัจจพงษ์เรื่อง Bitcoin ในประเทศไทย คงมีเพียงไม่กี่คนที่คิดถึงอนาคตอันสดใสของ cryptocurrencies ในประเทศไทย อย่างไรก็ตามหน่วยงานกำกับดูแลของเขาเปิดเผยว่า crypto ไม่ได้ถูกแบนในทันทีแต่ต้องมั่นใจว่าผู้บริโภคและเศรษฐกิจไทยในวงกว้างได้รับความคุ้มครองจาก crypto นั้น
อย่างไรก็ตามเขากล่าวถึงหน่วยงานที่กำกับดูแลว่า crypto ในไทยไม่ได้ถูกห้าม เเต่จะเป็นการดำเนินการภายใต้บริบทที่ผู้บริโภคและเศรษฐกิจไทยในวงกว้างได้รับความคุ้มครอง
ในความเป็นจริง เดือนที่แล้วรัฐบาลได้เผยแพร่ร่างกฎระเบียบฉบับแรกที่หลายฝ่ายคาดหวังมากสำหรับจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล สิ่งที่ควรระวังมีดังนี้ ภาษีกำไรจากกำไรร้อยละ 15 และแพลตฟอร์ม crypto ทั้งหมดต้องลงทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูเหมือนพวกเขาพยายามทำให้ crypto เป็นส่วนสำคัญของภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
รายงานนี้ได้รับการยืนยันในเดือนพฤษภาคม เมื่อมีผลบังคับใช้กฎระเบียบของก.ล.ต.ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ ไม่เช่นนั้นต้องเสียค่าปรับอย่างน้อย 500,000 บาท (ประมาณ 15,700 เหรียญ)และ / หรือจำาคุกสูงสุดไม่เกินสองปี
ไม่แปลกใจที่รัฐบาลทหารไทยที่มีชื่อเสียงด้านการต่อต้านระบอบประชาธิปไตยและตอบคำถามไม่สุภาพเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่ก็ไม่เคยคำถามใด ๆ ของ cryptocurrency ถูกห้ามหรือหายไปอบ่างสิ้นเชิงในประเทศนี้ นั่นอาจเป็นเพราะ crypto ได้รับความนิยมมากเกินไปสำหรับรัฐบาลในการจำกัดการใช้งาน
ตัวอย่างเช่น วันที่ 17 กุมภาพันธ์ (ในช่วงที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกหนังสือเวียน) มี113 Bitcoins แลกเป็นเงินบาท บนบริษัท exchange ท้องถิ่น เมื่อเทียบกันแล้วมีเพียง 20 Bitcoins แลกเป็นสกุลเงินตุรกีใน exchange เดียวกันของสัปดาห์เดียวกัน เเละมีเพียง 12 รายที่ซื้อขายเงินเปโซอาร์เจนตินาเท่านั้น อ้างอิงจาก International Monetary Fund ซึ่งทั้งสองประเทศมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าประเทศไทยในลำดับที่ 17 และ 21 ตามลำดับ ขณะที่ไทยอยู่ในลำดับที่ 26
เป็นความจริงที่ว่าทั้งตุรกีและอาร์เจนตินาประสบกับภาวะเงินเฟ้อในปีนี้ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตลาด crypto ในไทยใหญ่ขนาดไหน การรัฐประหารปี 2014 แสดงให้เห็นว่า crypto เป็นโอกาสใหญ่ที่รัฐบาลไทยละเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงต้นปีนี้ เพราะประเทศไทยไม่สามารถเพิ่ม GDP ให้ใกล้เคียงกับประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์
การสนับสนุนจากรัฐบาล
จึงไม่แปลกใจเลยที่เร็ว ๆ นี้ รัฐบาลได้พยายามที่จะพลักดัน cryptoในไทยอย่างมาก คณะกรรมการ ก.ล.ต.ไม่เพียงเเต่อนุญาติให้มีการ ICOs(ตราบเท่าที่อยู่ในประเทศไทย) เเต่พวกเขายืนยันว่าอีก1เดือน จะอนุญาติให้ 7 บริษัท รวมทั้ง TDAX สามารถดำเนินการแลกเปลี่ยนและ / หรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับ crypto ในประเทศได้
ในเวลาเดียวกัน ก.ล.ต.ยังประกาศว่าได้ออกใบอนุญาติให้กับบริษัทสตาร์ทอัพของไทยจำนวนมากและบริษัทที่สนใจในการถือครอง ICO หรือเปิดการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตอล ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้ธนาคารอื่นในประเทศ สามารถเปิดแผนกที่สามารถจัดการและการทำงานร่วมกับ cryptocurrency คล้ายกับทฤษฎี “ring-fences” ที่ป้องกันความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจไทย
ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านกฎหมายใหม่ ที่รัฐบาลไทยเองก็กำลังจับตาดู cryptocurrency และ blockchain.
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าธนาคารกลางกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการออกระบบ cryptocurrency ของตัวเองเพื่อให้สามารถชำระหนี้ระหว่างธนาคารได้เร็วขึ้น
ในเดือนสิงหาคมธนาคารได้ประกาศว่าจะสร้าง CBDC โดยใช้แพลตฟอร์ม Corda ของ R3
สันติประภพให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่คาดว่าประเทศและสถาบันการเงินจะต้องใช้เวลา 3-5 ปีในการเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล อาจดูเหมือนเป็นเวลานานสำหรับนักลงทุนบางคนที่ใจร้อน แต่เมื่อทราบว่าคำแถลงดังกล่าวบ่งชี้ว่าประเทศไทยมีเจตนาที่จะใช้ cryptocurrency ในระยะยาว ถือเป็นจุดยืนแย่างดีว่า cryptocurrency จะมีที่ยืนในประเทศเเถบเอเชีย
ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยได้ออกมากล่าวว่าจะเริ่มใช้ระบบ blockchain เอกชนเพื่อลงทะเบียนพันธบัตรในปลายปีนี้ และกำลังมองหาการใช้เหรียญยูทิลิตี้ของตัวเองเพื่อสนับสนุนระบบ และ ในเดือนตุลาคมกระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนที่จะทดลองใช้เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทในด้านการจัดการลิขสิทธิ์ลิขสิทธิ์การเกษตรและการค้าอีกด้วย
การยอมรับอย่างรอบคอบ
เป็นการเปิดโอกาศในประเทศไทยสำหรับโอกาศทางเศรษฐกิจที่มีให้ crypto อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการเปิดเสรีบางส่วนในประเทศที่ควบคุมโดยทหาร อุตสาหกรรม crypto ควรอยู่ภายใต้การดูแล เเต่รัฐบาลก็ยังไม่ทำอะไรมากมายนอกจากการเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง
ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม สำนักงาน ก.ล.ต. ออกคำเตือนเกี่ยวกับ token และ ICO จำนวน 9 ตัวที่ไม่ได้ลงทะเบียน ว่าอาจนำไปสู่ความบเสี่ยงทางการเงินของบุคคลทั่วไปที่อาจตกเป็นเหยื่อ คำเตือนนี้บอกเป็นนัยว่ารัฐบาลไทยอาจหึงหวงอำนาจเเละระวังสิ่งใดก็ตามที่จะทำลายอำนาจเเละการควบคุมของพวกเขา
ในทำนองเดียวกัน วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนว่ารัฐบาลต้องการที่จะควบคุม cryptocurrency ให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ crypto ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดโดยอาชญากรและการฟอกเงิน
เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการก่ออาชญากรรมมากที่สุดเป็นอันดับที่ 13 ในโลก (ตามฐานข้อมูลการก่ออาชญากรรมทั่วโลก) มันดูสมเหตุสมผลในการตกเป็นเป้าหมาย แต่มีความความกังวลจากรัฐบาลว่ามันจะเกิดขึ้น ทางรัฐบาลจึงมีมาตรการที่เกี่ยวข้องกับ crypto ที่ถูกต้องมากขึ้นเพื่อระงับการกระทำที่ผิดกฎหมาย
หลังจากช่วงเปลี่ยนผ่านกษัตริย์ของไทย อาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อ crypto ซึ่งพวกมันถูกขายมากกว่าเก็บเอาไว้ อย่างไรก็ตามมีแผนการที่จะจัดใการเลือกตั้งในปีหน้าเช่นเดียวกับการดำเนินงานที่ช้าและมั่นคงของรัฐบาลไทย แต่อย่างน้อยพวกเขาให้ความมั่นใจมากขึ้นสำหรับชุมชน crypto ในการทำธุรกิจในประเทศไทยตราบเท่าที่พวกเขายึดมั่นในกฎระเบียบ