fbpx

สิ่งที่มือใหม่ควรรู้ก่อนจะเริ่มลงทุนใน Bitcoin

หนึ่งในคำถามที่ผมมักจะได้ยินบ่อยที่สุดคือจะเริ่มเล่นยังไง ลงทุนเท่าไหร่ดี มาดูคำตอบกันครับ

สิ่งที่มือใหม่ควรรู้ก่อนจะเริ่มลงทุนใน Bitcoin

7 Nov 2019

หนึ่งในคำถามที่ทางทีมงานของเรามักจะพบเจอบ่อยๆ จากคนทั่วไปคือ “เริ่มลงทุนยังไงดี” “น่าซื้อไหมตอนนี้” “ต้องเริ่มต้นยังไง” ทางทีมงานเลยอยากจะสรุปข้อควรรู้เกี่ยวกับการลงทุนในเงินดิจิทัลมาฝากกันสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเงินดิจิทัลมากมายก่อนจะลงทุน

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

 

Bitcoin และเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง

สิ่งแรกที่แอดมินอยากจะบอกมือใหม่ก็คือตลาด Bitcoin หรือเงินดิจิทัลเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในการลงทุนทุกประเภทเมื่อเทียบกับ ทองคำ พันธบัตร หุ้น กองทุน เหตุผลคือมันเป็นตลาดระดับ Global ที่มีมูลค่าเพียง 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดทองคำที่มีมูลค่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือตลาดหุ้นที่มีมูลค่า 67 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงมันยังเป็นตลาดที่วิ่งตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีระยะเวลาเปิดปิด ด้วยมูลค่าที่เล็กขนาดนี้ทำให้ความผันผวนของราคารุนแรงมาก Bitcoin มีประวัติศาสตร์เพียงแค่ 10 ปีเท่านั้นเมื่อเทียบกับอายุของตลาดทองคำหรือตลาดหุ้น มันไม่ใช่อะไรที่น่าเชื่อถือมากในสายตาคนหมู่มาก การ Pump and Dump สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดในตลาดนี้ 

 

การลงทุนใน Bitcoin คล้ายการลงทุนในทองคำ

Bitcoin นั้นไม่ใช่หุ้นที่เกิดจากการระดมทุนจึงไม่มีมูลค่าพื้นฐานเหมือนหุ้น ไม่มีการปันผล ไม่มีผลประกอบการ การลงทุนใน Bitcoin คล้ายกับการลงทุนในทองคำซึ่ง Bitcoin เป็นสิ่งที่มีปริมาณจำกัดคล้ายทองคำ โดยมูลค่าของทองคำจะผันผวนไปในความต้องการซื้อและความต้องการขายและความเชื่อของมัน

 

ไม่มีใครกำหนดราคากลางของ Bitcoin และเป็นตลาดระดับโลก

ตลาดของเงินดิจิทัลนั้นเป็นตลาดเสรีที่ไม่มีหน่วยงานไหนบนโลกเป็นผู้กำกับ มูลค่าของ Bitcoin จะถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาดทั่วโลก เมื่อตลาดใดมี Bitcoin มีราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ยก็จะมีการทำการย้าย Bitcoin ที่ตัวเองมีไปขายในตลาดนั้นทำให้ Bitcoin ในตลาดนั้นมีมูลค่าใกล้เคียงค่าเฉลียของโลก และยังต่างจากตลาดหุ้นที่มีเวลาเปิดปิดและการจำกัดการซื้อขายในตลาดนั้น

 

การเก็งกำไรในตลาดขาขึ้นนั้นไม่เหมาะกับมือใหม่

ความผิดพลาดที่แอดมินพบมากที่สุดในหมู่ของมือใหม่คือเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

  • นักลงทุนไม่มีความรู้ใดๆก็ตามเกี่ยวกับ Bitcoin หรือเงินดิจิทัลสนใจแต่เพียงว่าอยากทำกำไรในระยะสั้นรีบเข้ารีบออก
  • นักลงทุนจึงไม่มีความสนใจใดๆเมื่อตลาดอยู่ใน Sideway หรืออยู่ในตลาดขาลง เพราะนักลงทุนไม่สนใจตลาดที่ไม่สามารถทำกำไรได้
  • เมื่อราคา Bitcoin เริ่มปรับตัวสูงขึ้นนักลงทุนจึงทำการเข้าซื้อโดยหวังว่าจะรีบขายเมื่อมันทำกำไรได้
  • ถ้าโชคดีนักลงทุนก็จะสามารถทำกำไรได้ แต่ก็มีนักลงทุนจำนวนมากที่ขายไม่ทันหรือแม้แต่ทำกำไรไปแล้วแต่อยากได้กำไรเพิ่มจึงซื้อใหม่
  • เมื่อราคาของ Bitcoin ตกนักลงทุนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเงินดิจิทัลหรือ Bitcoin ไม่รู้แนวโน้มใดๆจึงไม่มีความมั่นใจที่จะถือ Bitcoin ต่อจึงทำการขายทันทีเมื่อขาดทุนถึงจุดหนึ่ง

ซึ่งนี่เป็นเหตุการณ์ทั่วไปที่สามารถพบได้ในการลงทุนทุกประเภทที่นักลงทุนมีโอกาสเสียเงินต้น ส่วนใหญ่ตอนลงเงินนักลงทุนมักจะคิดว่าสามารถทนรับได้หากขาดทุนเพราะ อยากได้กำไรที่มากกว่า แต่พอเมื่อขาดทุนเนื่องจากตัวเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองลงทุนทำให้ไม่สามารถทนรับผลขาดทุนได้

 

การถือนั้นอาจจะได้ผลที่ดีกว่าการซื้อขาย

หากคุณเป็นนักลงทุนที่ลงทุนในการลงทุนระยะยาวแบบอื่นมากก่อนเช่น กองทุน เงินฝากประจำ พันธบัตร หุ้น ถ้าคุณเคยชินกับการถือสินทรัพย์เป็นเวลานานคุณจะพบว่าหากคุณไม่ได้ซื้อ Bitcoin ที่ราคาสูงเกินไปการถือเป็นระยะเวลา 1 ปีมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนทุกประเภทที่ผ่านมา

หนึ่งในสิ่งที่มือหใม่ยังไม่ทราบคือด้วยการที่ Bitcoin เป็นตลาดไร้พรหมแดนเป็นตลาดเปิดและวิ่งตลอด 24 ชั่วโมงทำให้ Cycle ของราคานั้นมาเร็วกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆมากหากคุณสามารถอดทนรอคอยได้มากพอกำไร 10% ใน 1 ปีก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหากคุณไม่ได้ซื้อในจุดที่ราคาสูงจริงๆ (จากข้อมูล Bitcoin จะทำ ATH ทุก 3 ปี)

 

ลงทุนแต่น้อยเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส

Bitcoin และ Cryptocurrency เป็นสิ่งที่เพิ่งกำเนิดมาได้ไม่ถึง 10 ปีมันหวือหวาและน่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามความรู้เกี่ยวกับมันยังมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย นักลงทุนจำนวนมากต่างไม่สนใจ Bitcoin เพราะไม่รู้ว่า Bitcoin นั้นคืออะไร หรือตัดสินใจว่าจะลงทุนต่อเมื่อรู้อย่างแตกฉานว่ามันคืออะไรกันแน่ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ใช้ Lerning curve สูงมากและด้วยวามใหม่ของตลาดบางคำตอบก็ไม่มีคำว่าแน่นอน 

แต่เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสเพราะวิธีเรียนรู้ที่เร็วที่สุดคือการทดลองจริงๆ การตัดเงินในพอร์ทประมาณ 5-10% มาลองลงทุนเพื่อศึกษาไปพร้อมกันก็หากแบกรับความเสี่ยงได้และพร้อมที่จะศึกษาก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

 

Altcoin นั้นมีความเสี่ยงที่สูงกว่า Bitcoin

อีกหนึ่งกับดักที่มือใหม่มักจะทำพลาดคืออยากได้กำไรจากเหรียญอื่นๆในเพราะมองว่า Bitcoin นั้นมีราคาแพงแล้วหรือราคาไม่ค่อยวิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเหรียญ Altcoin นั้นมูลค่าทางการตลาดนั้นน้อยกว่า Bitcoin ซึ่งก็ใช่ที่หากเวลาราคาพุ่งขึ้นมันสามารถทำกำไรที่มากกว่าได้ แต่การตกของมันก็น่าตกใจมากอย่าง Ethereum ที่ทำ ATH ที่ 50,000 บาท แล้วตกมาเหลือ 5000 บาท หรือ  XRP ที่ตกจาก ATH 122 บาทมาเหลือ 6 บาท ในขณะที่ Bitcoin ตกจาก ATH ที่ 600000 บาทมาอยู่ที่ 120,000 บาทเป็นเวลาสั้นๆ

 

อย่าเก็บเงินจำนวนมากไว้ใน Exchange

คนที่เป็นมือใหม่ส่วนใหญ่มักจะทำการซื้อขายและเก็บเงินไว้ใน Exchange ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ยิ่งเงินนั้นมีจำนวนมาก ควรทำการถอนเงินนั้นมาไว้ใน Cold Wallet หรือ Hardware Wallet จะดีกว่า เพราะแม้จะมี Exchange จำนวนมากที่รับผิดชอบความเสียหายเมื่อสินทรัพย์ถูก Hack แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะโชคดีทุกครั้งไป การใช้ Exchange นั้นเหมาะสำหรับการถอนเงินเข้าออกมากกว่า

 

บริหารความเสี่ยงและตั้งจุดที่จะ Cash Out อยู่เสมอ

หากคุณไม่ใช่คนที่มีความรู้เกี่ยวกับ Bitcoin หรือเป็น Believer ที่เชื่อมันใน Bitcoin มากๆ การบริหารความเสี่ยงและ “ไม่โลภ” เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หนึ่งในปัญหาของนักเทรดหน้าใหม่คือเมื่อเกิดอาการ “ขายหมู” นักเทรดหลายคนจะเกิดความรู้สึกเสียดายและหาจุดที่จะทำการเข้าซื้อใหม่ ซึ่งถ้าเขากำไรก็โชคดีไปแต่ถ้าเขาโชคร้ายเขาจะเสียกำไรอย่างรุนแรง เพราะการ Correction ของ Cryptocurrency แต่ละครั้งนั้นรุนแรงมาก ถ้าคุณไม่ใช่บุคคลที่เชี่ยวชาญหรือเชื่อมันใน Bitcoin ขนาดที่สามารถทนถือเป็นเวลานานได้ ผลขาดทุนเป็นเวลานานอาจจะทำให้คุณรู้สึกแย่กว่าปกติ 

Article
Writer

Maybe You Like