“Bitcoin กำลังจะ Hard fork เราจะได้เหรียญฟรีกันไหม?” เคยได้ยินประโยคนี้กันไหมครับในช่วงปี 2017 ที่เกิดการ Hardfork ของ Bitcoin ทำให้เกิด Bitcoin Cash ขึ้นมาหลายๆคนก็ได้ Bitcoin Cash ไปฟรีๆเป็นกำไรแบบ EZ Money ไปแต่จริงๆแล้วการ Fork รวมไปถึงการ Soft fork และ Hard Fork มันคืออะไรกันแน่ จริงๆแล้วมันมีอะไรที่มากกว่าการแค่การที่ได้เหรียญฟรี ในเชิงเศรษฐศาสตร์ของ Cryptocurrency มันเห็นเหตุการณ์ค่อนข้างที่สำคัญทีเดียว
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
Blockchain ระบบที่ไม่มีตัวกลาง
หลายๆคนเคยได้ยินว่า Blockchain นั้นเป็นระบบที่ไม่มีตัวกลางไร้ศูนย์กลางไร้เจ้าของ แล้วเคยสงสัยไหมครับว่าจริงๆแล้วเมื่อมันไร้ศูนย์กลางใครเป็นผู้ให้บริการมันกันหละ? ซึ่งคำตอบคือใครก็ได้ครับปัจจุบันระบบอย่าง Bitcoin นั้นอนุญาติให้ใครก็ได้สามารถเข้าร่วมเพียงแค่ Download software ของ Bitcoin มาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ คอมพิวเตอร์ของคุณก็จะทำการตัดลอกสำเนา Blockchain ของ Bitcoin มาติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณทันที และคอมพิวเตอร์ของคุณก็จะทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งกับระบบของ Bitcoin ทันที
และนั้นหมายความว่าคอมพิวเตอร์แต่ละคนก็จะมี Blockchain เป็นของตัวเองใช่ไหมครับ และทีนี้ด้วยการที่ Blockchain นั้นถูกบรรจุในเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องมันจึงมีโอกาสที่ในเวลาเดียวกันมันอาจจะมีข้อมูลที่ไม่เหมือนกันนั้นเองซึ่งเราจะเรียกมันว่า Fork
Temporary Fork
การ Fork รูปแบบแรกเราจะเรียกมันว่า Temporary Fork ซึ่งเป็นการแตกชั่วคราวของ Blockchain ซึ่งปัจจุบันมีการเกิด Temparary Fork อยู่บ่อยๆเพียงแต่ผู้ใช้งานไม่ค่อยรู้เท่านั้นแหละครับ Temporary Fork เกิดขึ้นได้จากการที่มีนักขุดนั้นสามารถหาคำตอบของ Block ได้ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันซึ่งในกรณีนี้เราจะเห็นว่าจะทำให้เกิด Blockchain ขึ้นมา 2 ชุด และเมื่อ Block ถัดไปถูกขุดได้จากสายโซ่ใดก็จะทำให้ Blockchain นั้นจะกลายเป็น Blockchain ที่ยาวกว่าทำให้ Blockchain ที่สั้นกว่านั้นถูกเขียนทับ และสายโซ่ที่มี Block ที่ถูกเขียนทับนั้นเราจะเรียกมันว่า Orphan Block หรือ Block ที่ไม่ได้ถูกใช้งานซึ่งการแตกของสายโซ่นี้เราจะเรียกมันว่า Fork เช่นกันสำหรับใครที่อ่านแล้วงงๆขอให้ลองไปอ่านเรื่อง Block confirmation ครับ
Soft Fork คืออะไร

Soft Fork เป็นการ Fork ที่ค่อนข้างมีผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับ Hard Fork อย่างที่เรากล่าวไปในตอนต้นว่าระบบ Blockchain นั้นจะถูกเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ของคนหลายๆคน โดยปกติแล้วซอฟต์แวร์หรือเวอร์ชั่นของ Blockchain ที่ทำงานอยู่นั้นจะเป็นเวอร์ชั่นเดียวกันแต่ก็มีบางกรณีที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ปกติแล้วเมื่อซอฟต์แวร์มีการอัพเดทเวอร์ชั่นที่เราเรียกว่า Compatible Version หรือเป็นการอัพเดทซอฟต์แวร์ที่เราเรียกว่า Optional feature นั้นหมายความว่าซอฟต์แวร์เวอชั่นนี้นั้นคุณสมบัติส่วนใหญ่เหมือนเดิม แต่จะมี Feature เสริมบางอย่างเพิ่มขึ้นมาซึ่ง มันสามารถทำงานร่วมกัน Node อื่นๆได้แม้ว่าจะมีเวอร์ชั่นที่ไม่เหมือนกัน
Hard Fork

Hard Fork เป็นกระบวนการที่มีปัญหามากในระบบ Blockchain เพราะมันคือการอัพเดทซอฟต์แวร์ที่ถ้ามีคอมพิวเตอร์ที่ไม่ยอมอัพเดทตาม คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นรวมถึงคอมพิวเตอร์อีกหลายๆเครื่องก็จะกลายเป็นระบบ Blockchain ที่ไม่สามารถทำงานเข้ากับ Blockchain ที่อัพเดทแล้วได้ เปรียบเสมือนเป็น Blockchain คนละชุด แต่อย่างไรก็ตามด้วยเดิมทีระบบ Blockchain ที่แตกต่างกันนี้เป็นตัวเดียวกัน สมมติว่าเดิมทีเรามีเงินอยู่ใน Bitcoin 2 BTC เมื่อเกิดการ Hard Fork เราจะมีเงินอยู่ 2 BTC ใน Blockchain1 และ 2 BTC ใน Blockchain2 อย่างในกรณี Bitcoin Cash เมื่อมีการ Hard Fork แล้วมี Node จำนวนหนึ่งไม่ยอมอัพเดทตามก็จะทำให้เกิดเหตุการณ์ทุกครั้งไป แต่บางครั้งจำนวน Node ที่ไม่ยอมอัพเดทนั้นมีจำนวนน้อยมากๆ จนเหรียญที่อยู่บน Blockchain นั้นไม่มีผู้ใช้งานหรือไม่มีผู้สนับสนุนเพียงพอก็จะทำให้เหรียญนั้นไม่มีค่าจนเสมือนไม่ได้มีเหรียญแยกออกมานั้นเอง
ซึ่งจริงๆแล้วการ Hard Fork นั้นยังแบ่งออกเป็นการ Hard Fork ที่มีการทำประชามติหรือขอโหวตจาก Community และการ Hard Fork แบบที่ไม่ขอความเห็นจาก Community ซึ่งจริงๆแล้วการ Hard Fork ของ Bitcoin Cash นั้นเป็นการ Hard Fork ที่ไม่ได้มีการขอความเห็นจาก Community โดยเราจะกล่าวถัดไปอย่างละเอียดในตอนถัดไป เพราะด้วยการที่ระบบ Blockchain ไม่มีตัวกลางที่มีอำนาจเด็ดขาดทำให้การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งนั้นไม่แตกต่างจากการเล่นการเมืองแบบหนึ่งที่ต้องมีการโหวตการขอความเห็นและอิทธิพลรวมถึงประโยชน์ในรูปแบบต่างๆมากมาย