เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา มีวาฬ หรือคนที่ถือ BTC จำนวนมาก นำ BTC จำนวนกว่า 25,000 BTC เข้ามาขายในตลาด ทำให้ตลาดปรับตัวลดลงกว่า10% ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่โลกคริปโตสามารถใช้เงินจำนวนนึง เพื่อควบคุมราคา มันทำได้ง่ายมาก และมีกลุ่มคนที่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!ในช่วงที่ Bitcoin เริ่มปรับตัวขึ้นมาจาก 4,000$/BTC ไปที่ราคาราว 5,300$/BTC
จะเห็นว่า มีการลากราคาด้วยเงินราว 100ล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วการทำแบบนี้เจ้าคุ้มไหม
คำตอบคือคุ้มแน่นอน เพราะคนที่เข้ามาในโลกคริปโต ส่วนมากจะมีพฤติกรรมที่ . . .
ซื้อตามเมื่อราคาขึ้น หลายคนเป็นแบบนั้น ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ แล้วเม่าที่ตกรถก็ทำแบบนั้นแหละ
ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ ทีนี้เจ้าที่สอย BTC ที่ช่วงราคาต่ำๆ ก็เอาออกมาทยอยขายได้อย่างสบายใจ
เพราะมีกลุ่มเม่าเข้ามารับรอง เกิดการโยนของขึ้นในช่วง 2อาทิตย์ที่ผ่านมา
และเมื่อเจ้าโยนของจนพอใจแล้ว ก็กลับสู่เสตรทเดิม ปรับต้นทุน
กลับเข้ามาซื้อของถูก เพื่อลากไปขายอีก จึงไม่แปลกใจที่ช่วงนี้ ราคาจะปรับลง
ไม่ว่าสาเหตุมาจากอะไรก็ตาม แต่แท้จริงแล้ว
“โลกคริปโตสามารถคุมราคาได้ด้วยเงินเพื่อหลักร้อยล้านดอลลาร์ก็สามารถทำได้แล้ว”
หากในอนาคตมีเงินก้อนที่ใหญ่กว่าวิ่งเข้ามาหล่ะ
แน่นอนว่าด้วยสภาพคล่องที่น้อยมาก หากปะทะกับเงินก้อนที่ใหญ่มาก
ราคาอาจไปไกลมาก จนสามารถทะลุจุดสูงสุดเก่าได้
หลายคนก็มองว่า ETF อาจเป็นเงินก้อนนั้น แต่พึ่งระลึกไว้เสมอว่า
“สภาพคล่องมันน้อยเลยลากได้ง่าย และสภาพคล่องมันน้อยถ้าทุกคนขายพร้อมกันราคาก็ลงหนักได้ง่ายเช่นกัน”
ดังนั้นที่อยากจะฝากคือ เมื่อกำไรแล้ว หาจุดที่ขายเอาเงินออกมา
ในวงการก็ชอบเรียกว่า Cash Out หรือเอาเงินออกมาหน่ะแหละ
ด้วยความปรารถนาดี จากแอดเอง
เพราะไม่ขายไง ถึงมีวันนี้ ดอยจนถึงวันนี้