ทุกวันนี้หลายสิ่งหลายอย่างถูกคำนวณเป็นดอลลาร์ ตั้งแต่การค้าขายระหว่างประเทศ ไปจนถึงการลงทุนข้ามชาติ ดอลลาร์นั้นมีบทบาทมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่15สิงหาคม1971 ที่ Richard Nixon ยกเลิกการพิมพ์เงินดอลลาร์อิงทองคำที่มี (ก่อนหน้านั้น การพิมพ์ดอลลาร์จะพิมพ์ได้เท่ากับทองคำที่มีเท่านั้น ทำให้หลายประเทศใช้ดอลลาร์เป็นตัวกลางการค้า เพราะพวกเค้าชื่อมั่นในทองคำ ไม่ใช่ดอลลาร์หรืออำนาจของสหรัฐอเมริกา) ภายหลังการออกกฎนี้ทำให้เงินดอลลาร์โดนเทจากนานาประเทศ
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!สหรัฐใช้วิธีขายกระดาษบนความต้องการ สมัยนั้นน้ำมันเป็นสิ่งที่ใช้ผลักดันอุตสาหกรรมในหลายประเทศที่เริ่มพัฒนาและประเทศที่เจริญแล้ว กล่าวคือ น้ำมันเป็นสิ่งจำเป็นมากและขาดไม่ได้ เมื่อขาดอาจส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงัด และนำพาเศรษฐกิจถดถอยเมื่อใดก็ได้
ดังนั้นสหรัฐเลยต่อรองกับกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมัน ว่าให้ขายน้ำมันเป็นดอลลาร์ ทำให้ทุกประเทศที่ต้องการซื้อน้ำมันในเวลานั้น ต้องมีเงินดอลลาร์สำรอง เพื่อออก LC (เป็นเครดิตค้ำประกันโดยธนาคารว่าจะมีเงินดอลลาร์จ่าย และปริมาณทุนสำรองของประเทศว่าสามารถจ่ายได้) และประเทศที่ขายน้ำมันก็จะได้รับดอลลาร์เป็นการตอบแทน และใช้ดอลลาร์นั้นเพื่อไปซื้อสินค้าจากประเทศอื่นอีกที กำเนิดเป็น “ยุคดอลลาร์กระดาษมีค่าจากความต้องการ” หลังจากนั้นเป็นต้นมา โลกถูกมองเป็นดอลลาร์ และแน่นอนว่าสินทรัพย์อย่างทองคำ (Gold) หรือ คริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) ก็ถูกมองเป็นดอลลาร์เช่นกัน
แล้วความเสี่ยงของเราอยู่ตรงไหน ?
ความเสี่ยงของคนที่เข้ามาเทรดคริปโต ไม่ต่างจากการเทรดหุ้น ทองคำ หรือสิ่งต่างที่ถูกคำนวณเป็นดอลลาร์หรอก ดังนั้นความเสี่ยงของคนเล่นคริปโตคือ อัตราแลกเปลี่ยน สิ่งเล็กๆที่ถูกมองข้าม คนทั่วไปมองว่า เราใช้เว็บไทยซื้อ เราซื้อที่ราคากี่บาท และจะขายที่ราคากี่บาท แต่ถ้าวันนี้เรทค่าเงินสหรัฐพังทลายเหลือ1ดอลลาร์/1บาท กลายเป็นว่า คริปโตที่เราซื้ออาจจะแพงมหาศาลจากอัตราแลกเปลี่ยน
แล้วเล่นคริปโตควรจะต้องจัดการอัตราแลกเปลี่ยนไหม ถ้าคุณเล่นคริปโตแค่นิดหน่อย ไม่ถึง10ล้านบาท มันยากมากที่จะทำ Hedge ตัวความเสี่ยง ดังนั้นหากพอร์ทการลงทุนไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะปัญหาที่จะเจอคือ
1.ความยุ่งยากในการต่อสัญญาหากจัดการความเสี่ยง(Hedging)ด้วย Future
2.อาจเสี่ยงล้างพอร์ทได้ หากเปิด Short USD/THB เพื่อจัดการความเสี่ยง(Hedging)จากอัตราแลกเปลี่ยน
3.เงินที่เอามา Hedge อาจเอาไปทำอย่างอื่นที่ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อาจมีค่าสูญเสียโอกาสหากนำมาตรึงค่าเงิน
ในรูปเป็นเคสตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง
ราคาของ Bitcoin เคยอยู่ที่ 20,000ดอลลาร์ และเรทค่าเงินไทยต่อสหรัฐ ก็เคยอยู่ที่35บาทต่อ1ดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันลงมาเหลือเพียง 32บาทต่อ1ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนกำลังหยิบความมั่งคั่งออกจากกระเป๋าท่านหรือเปล่า ?
หากพอร์ทมีปริมาณมาก การเล่นกับอัตราแลกเปลี่ยนก็สมควรทำ แต่หากเป็นพอร์ทที่ไม่มาก การเล่นกับอัตราแลกเปลี่ยน จะเพิ่มความยุ่งยากอันมากเกินไปแก่ท่าน แต่เมื่อท่านกำลังโลดแล่นอยู่ในโลกคริปโตก็อยากให้ท่านพึงระลึกไว้เสมอว่า “มันมีราคาเป็นดอลลาร์ไม่ใช่บาท”