หลังจากที่ราคา Bitcoin ได้แตะที่ระดับ 10,000 เหรียญสหรัฐ ดูเหมือนจะเป็นข่าวที่สำคัญไปทุกสื่อทางการเงินไปทุกแขนง มีการตื่นตระหนกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บางกลุ่มก็ออกมาบอกว่ามันเป็นเรื่องของการหลอกลวง บางกลุ่มก็บอกว่ามันเป็นฟองสบู่ มีเรื่องที่น่าสับสนออกมามากมายตั้งมีการใช้เทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ปี 2010 นี่เป็นประเด็นสำคัญที่พบมากที่สุดเกี่ยวกับ Bitcoin และ Cryptoasset ทั้งหมด
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!1.มันไม่ได้เกิดขึ้นโดยรัฐบาล
จากอดีตนั้น ได้บอกว่าเงินที่ถูกต้องและเหมาะสมควรเกิดมาจากรัฐบาล เพื่อการจัดการและป้องกันการแทรกแซง ในปลายศตวรรษที่ 19 ทั้งโรงเรียนและความคิดทางเศรษฐกิจเติบโตขึ้นรอบ: ทฤษฎีรัฐของเงิน Georg Friedrich Knapp’s treatise โดยชื่อดังกล่าวออกมาในปี 1905 และช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประเทศชาติจากเงินที่ออกโดยธนาคารกลาง Bitcoin แสดงให้เห็นว่าทฤษฎีนั้นผิดพลาด เงินที่ดีเกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนและการเป็นผู้ประกอบการ เช่นเดียวกับ Carl Menger กล่าว
2.ไม่ได้ถูกคิดค้นโดยสถาบันการศึกษา
โปรโตคอลของ Bitcoin ได้รับการเผยแพร่โดยโปรแกรมเมอร์ที่ไม่ระบุชื่อ 3.มันไม่เกี่ยวกับเกี่ยวกับ Bitcoin แทบทั้งหมด
จากหัวข้อข่าวผลตอบแทนที่สูงที่มากจาก Bitcoin นั้น ทำให้ผู้คนไม่ได้สนใจในตัวเทคโนโลยีของมันที่เรียกว่า Blockchain เลย ตัวเทคโนโลยีนี้ได้เปลี่ยนแปลงวงการทางการเงินที่มีขนาดใหญ่พอๆกับ Bitcoin ที่มีธุรกรรมและสัญญานับหลายพันหลายการ และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างตัวบุคคลและรัฐบาล
4.กฎระเบียบเก่าๆ ไม่สามารถใช้ได้
เทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สมบูรณ์แบบ ในขณะที่เครื่องมือทางการเงินและกฎระเบียบเดิมที่มีอยู่ทั้งหมดนั้นมันถูกสร้างเพื่อจัดการเพียงแค่เทคโนโลยีเดิมๆที่มีอยู่เท่านั้น การสร้างกฎระเบียบใหม่มันเป็นเพียงการชะลอตัวแต่ไม่สามารถหยุดความคืบหน้าของตัวเทคโนโลยีได้ “รัฐบาลเป็นเพียงผู้สร้างความน่ารำคาญ แต่ไม่ใช่ผู้เขียนประวัติศาสตร์”
5.จะมีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา
หลายคนมองว่าการต่อสู้ระหว่างเงิน Dollar กับ Bitcoin นั่นง่ายเกินไป การต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างเงินของแต่ละประเทศที่ผูกขาดกับระบบการแข่งขันใหม่ที่จะเกิดขึ้น การแข่งขันเกิดขึ้นระหว่าง cryptocurrency และ cryptoassets คนที่อยากรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ นี่ก็เป็นความคิดของคนรุ่นเก่า การแข่งขันจะไม่หยุดการชนะจะเป็นแค่เรื่องชั่วคราวและจะมีผู้ท้าชิงคนใหม่ขึ้นมาและเข้าสู่ตำแหน่งสูงสุด โดยเฉพาะชาวอเมริกันจะต้องได้รับชดใช้ เพื่อโลกที่ดอลล่าไม่ได้เป็นกษัตริย์อีกต่อไป
6.ธนาคารและเครดิต
จะเปลี่ยนแปลงไป สถาบันการเงินทั้งระบบของธนาคารกลางมีแนวคิดเกี่ยวกับการผูกขาดเงินซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมและจัดการด้านเศรษฐกิจมหภาคได้อย่างเต็มที่ Crypto ไม่จำเป็นต้องเป็นอันดับหนึ่งเพื่อทำลายความเชื่อนี้เพียงแต่ต้องเป็นผูกขาดเอง ด้วยมูลค่าตลาดกว่าครึ่งล้านล้านดอลลาร์อาจทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และยังมีระบบการจ่ายเงินและการชำระเงินซึ่งจะทำให้ระบบการชำระเงินของโลกยุคเก่าหายไป “ผู้แข่งขันใหม่จะเกิดขึ้นวันต่อวันเลยหละ”
7.กลุ่มคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารจะสามารถใช้มันได้ (The unbanked have rights)
มีการประมาณการว่ามีคนประมาณสองพันล้านคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารเป็นของตัวเอง คิดถึงประเทศกำลังพัฒนา unbanked มีอยู่ทั่วไปด้วยหลายหลายเหตุผล บางทีพวกเขาอาจกลัวการบุกรุกความเป็นส่วนตัว พวกเขาอาจมีแหล่งรายได้ที่ไม่แน่นอน หรือพวกเขายังเด็กเกินไป หรืออาจเป็นปัญหาครอบครัวหรือกลัวที่จะเข้าสู่ระบบ ไม่ว่ากรณีใดๆ พวกเขายังคงรักษาสิทธิทางเศรษฐกิจไว้และเทคโนโลยี Blockchain ให้ตัวเลือกเหล่านี้เป็นครั้งแรก ประชากรกลุ่มนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้
8.ไม่จำเป็นต้องมีใครเป็นผู้รับผิดชอบ
Blockchain นั้นไม่มีการควบคุมจากศูนย์กลางและไม่มีความล้มเหลว ระบบในอดีตนั้นเป็นแบบ cartels แต่ระบบของอนาคตจะมีการกระจายอำนาจที่มากขึ้นและยากที่จะหยุดยั้ง “ไม่มีอุดมการณ์ไหนจะหยุดยั้งสิ่งนี้ได้”
9.มันเป็นต้นแบบของหลายๆอย่าง
Bitcoin นั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของ Bitcoin อย่างเดียวแล้ว มันเกี่ยวกับเสรีภาพของมนุษย์ เป้าหมายของชีวิตมนุษย์คือการหาหนทางสู่อิสรภาพ
10.ไม่มีใครรู้เรื่องของอนาคต
ไม่มีใครคาดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครสามารถรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่เราสามารถเตรียมความพร้อมได้ อนาคตจะมีแรงกดดันมากขึ้น เป็นวิธีการที่จะทำให้ชีวิตบนโลกนั้นดีขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น