ก่อนอื่น ผมขอแนะนำตัวเองสักนิดนึงนะครับ
ผมชื่อ Artie Tan ทำงาน Freelance ที่ปรึกษา และออกแบบ อยู่เกี่ยวกับด้าน Digital Visual Arts และ Branding ในกรุง New York City ครับ
มีประสบการณ์ด้านการลงทุน และ connection ใน Wall Street บ้างจากประสบการณ์งานที่ต้องพบปะผู้คนในแวดวงเหล่านี้
ปัจจุบัน ยามว่างใช้เวลาพูดคุย เผยแพร่ประสบการณ์ด้านคริปโตบ้าง เป็นผู้ดูแลกลุ่ม Crypto Excellent Thailand โดยงานเขียนมักจะนำเรื่องเล่าจากทางตรง และทางอ้อม ในโลกคริปโตของคน Wall Street และประสบการณ์ส่วนตัว โดยจะเน้นเรื่องการลงทุนแบบ Fundamental เป็นหลัก
วันนี้ได้รับเกียรติจาก อาจารย์เจต และ Admin หาญ จาก Blockchain Review มาช่วยเล่าประสบการณ์และความรู้ด้านคริปโต ผมต้องขอขอบคุณ community ดีๆสำหรับ ท่านทั้งสองที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความรู้ทางด้านคริปโตในเมืองไทยด้วยความมุ่งมั่นเสมอมา และช่วยให้ความรู้ความเข้าใจในทางที่ถูกต้องในโลกคริปโตแก่คนไทย
ผมขออนุญาตนำเรื่อง Leverage หรือ Margin มาอธิบายให้ฟังก่อนเป็นเรื่องแรกล่ะกันครับ เพราะเชื่อว่ามีหลายท่านกำลังตัดสินใจลองใช้
สำหรับคนที่อาจจะไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว Leverage หรือ Margin Trading คืออะไรก็ขออธิบายซักนิดว่ามันคล้ายๆกับการยืมเงินคนอื่นมาเล่น เช่นสมมติคุณมีเงินอยู่ที่ 5 BTC แต่คุณอยากเทรดด้วยเงิน 100 BTC หรือก็คือ 20 เท่าจากเงินที่คุณมี คุณสามารถไปยืมเงินคนอื่นมาเล่นได้ หากคุณได้กำไรเช่น 10% คุณก็จะได้กำไรถึง 10 BTC จากเงินตั้งต้นแค่ 5 BTC แต่ในทางกลับกันเพียงคุณขาดทุนเพียงแค่ 5% คุณก็จะสูญเสียเงินทั้งหมดทันที และในการเล่นคุณต้องมีเงิน Margin จำนวนหนึ่งมาประกันซึ่งถ้าคุณขาดทุนเกินกว่าที่ตั้ง Margin ไว้คุณจะถูก Force Sell เงินประกันทันที
Leverage หรือ Margin Trading กับ cryptocurrency น่าเสี่ยงมั๊ย?
เป็นคำถามที่หลายคนที่มีเงินน้อยๆ แต่อยากทำกำไรแบบเร็ว หรือพูดง่ายๆว่าอยากรวยเร็ว
จริงๆ ผมไม่อยากตอบว่าควรใช้ หรือไม่ควรใช้ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวผม เท่าที่ผมเห็นคนที่เล่นแบบนี้ ชีวิตมักจะเหนื่อยกว่า เพราะต้อง monitor ราคาตลาดแทบจะตลอดเวลา
ถ้าถามผมโดยส่วนตัว ผมไม่เคยคิดใช้แม้แต่น้อย ด้วยเหตุผลดังนี้
1. สภาวะตลาดคริปโตนั้น ตลาดเดินตลอด 24 ชม. การใช้ leverage หรือ margin trade นั้น ชีวิตต้องบ้ากับตลาดแทบจะตลอดเวลา ผมไม่ใช่คนแบบนั้น
2. ในสภาพตลาดซบเซา นอกจากเป็นหนี้แล้ว ยังต้องมาเครียดเพราะหาจังหวะทำกำไรลำบาก หลักการของผม คือ ชีวิตผมต้องสนุก ต้องไร้ความเครียด
3. ผมไม่ใช่เทรดเดอร์ ผมมีงานประจำที่ทำอยู่สนุกอยู่แล้ว ไม่ต้องตอกบัตรเข้าออก คุมเวลานัดเวลากับลูกค้าเองได้ แต่เทรดคริปโตนั้น ผมกลับต้องเป็นลูกเบี้ยของตลาด ไล่ราคา ดูราคาตลาดตลอดเวลา ซึ่งมันไม่ใช่ชีวิตผม
4. ข้อสุดท้าย ผมชอบลงทุนให้เงินทำงานให้ และไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เอาแบบสบายๆ
การลงทุนอะไรก็ตามที่ต้องยืมเงินอนาคตมาลงทุนนั้น ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่สิ่งที่สำคัญคือ การลงทุนนั้นๆ คุณสามารถบริหารธุรกิจนั้นๆ ได้ด้วยตัวคุณเองหรือป่าว?
การลงทุนคริปโต คุณไม่ได้มีสิทธิ์ไปบริหารการเงินของโปรเจ็คนั้นๆ
ดังนั้นการยืมเงินอนาคตมา นอกจากไม่มีสิทธิ์บริหารการเงินของธุรกิจนั้นๆ ด้วยตัวเองแล้ว ย่อมเสี่ยงสูงแน่นอน คนรวยที่ฉลาดๆ จะมักไม่ทำกัน
การเป็นหนี้ที่ดี ต้องเป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ โดยมีผลกำไรจากการดำเนินการทำธุรกิจ (ไม่ใช่ผลกำไรจากการเก็งกำไร) และหนี้ที่ดี คุณต้องสามารถบริหาร จัดการการเงิน หนี้ของธุรกิจนั้นๆได้ด้วยตัวคุณเอง แบบนี้ คือการเป็นหนี้แบบสร้างสรรค์
แต่ Leverage หรือ Margin ในตลาดคริปโต คือการวัดดวงมากกว่า ว่าคุณสามารถเล่นตาม whale (ขาใหญ่) pump และ dump ตามทัน ได้หรือไม่ ผลกำไรคุณส่วนใหญ่มาจากการเก็งกำไรเป็นหลัก ไม่ใช่มาจากการดำเนินการธุรกิจ ดังนั้น leverage ค่อนข้างเสี่ยงวัดดวงสูงทีเดียว
แล้วถ้าถามว่า Leverage แล้วใช้ Money Management ทำได้หรือไม่?
มันจะไป manage หรือจัดการยังไงล่ะครับ เพราะคนที่จัดการให้คุณนั้น จริงแล้วเขามีชื่อว่า whale ไม่ว่าจะ spoofy หรือ wall street เอย whale เหล่านี้ต่างหากที่เป็นคน manage ตลาด กำหนดราคาใน port ของคุณ ถ้าเราเดาใจ whale ออก ก็โชคดี แต่ถ้าไม่ คุณก็แพ้ เท่านั้นเอง
เอาล่ะ กลับมาก่อน ที่ว่า ถ้ามีเงินน้อย ผมเชื่อว่า เราก็ค่อยๆลงทุนไปเรื่อยๆก็ได้ครับ ไม่ต้องรีบร้อน ตลาดคริปโต ยังอยู่อีกนาน ขอให้ติดตามจากข่าวสาร อ่านศึกษาให้มากๆ และโดยส่วนตัว ผมจะใช้วิธีนี้แทน ถ้ายังไม่มีเงินลงทุนมาก (คห ส่วนตัว)
1. เริ่มศึกษาก่อน ว่าสิ่งที่เราจะลงทุน มันคืออะไร ทำงานอย่างไร แล้วทำไมเราถึงคิดว่ามันมีโอกาสเติบโตในอนาคต ถ้าไม่เข้าใจ อย่าเพิ่งลงทุนเด็ดขาด
2. เงินที่ลงทุน ควรจะเป็นเงินที่เรารู้สึกเสียได้ โดยไม่เดือดร้อนอะไร ให้หวังผลระยะยาว
3. ไม่จำเป็นต้องซื้อได้ราคาถูกที่สุด ใครก็ตามที่บอกว่า ซื้อแล้วต้องไม่มีทางติดดอย ในความเป็นจริง คือคุณต้องได้ของชิ้นนั้นมาฟรีๆ ถึงจะไม่มีทางติดดอยแน่นอน แต่ปัญหาคือ ใครจะให้คุณฟรีๆ และคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าซื้อที่ราคาไหนแล้วไม่ติดดอย ถ้ารู้อย่างนั้น คุณคงต้องรวยกว่า Warren Buffet (รวยระดับ 2 ของโลก) แล้ว เพราะ Buffet เองก็ยังไม่รู้เลยว่าซื้อราคาไหน แล้วไม่ติดดอย
ปล. นี่เป็นแค่ คห ส่วนตัวผมเอง ผมเองก็เคยเห็นคนใช้ Margin แล้วทำผลตอบแทนสูงในระยะสั้นได้ก็มี แต่คุณคิดว่ามีคนทำได้ หรือไม่ได้มากกว่ากัน ลองพิจารณาดูครับ