สวัสดีครับ ตอนนี้ก็ปี 2025 แล้ว ถ้านับตามเวลาก็เป็นเวลา 8 ปีแล้วที่ผมเริ่มต้นลงทุนในตลาด Cryptocurrency เมื่อปี 2017 ในตอนนั้น Bitcoin ยังมีราคาแค่ 40,000 บาท ส่วน Ethereum (ETH) ก็เพียง 1,500 บาท ซึ่งถ้าจะพูดตามตรง การเติบโตของ Cryptocurrency เกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่ผมคาดไว้ในช่วงที่เริ่มลงทุนครั้งแรกมาก
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!แน่นอนว่าคงมีหลายคนสนใจจะลงทุนใน Cryptocurrency ในปี 2025 ซึ่งบางคนอาจไม่เคยผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นมาก่อนเลย (ซึ่งผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น) การไม่รู้อะไรหลายอย่างหรือไม่เข้าใจก็อาจเป็นอุปสรรคได้ ผมเลยอยากใช้โอกาสนี้ถ่ายทอดแนวคิดและประสบการณ์การลงทุนตลอด 8 ปีที่ผ่านมาให้ฟัง อย่างไรก็ตาม ขอ Disclaimer ไว้ก่อนว่า สิ่งที่ผมเล่าเป็นเพียงมุมมองส่วนตัวที่ผมตกผลึกมา อาจไม่เหมือนกับมุมมองของคนอื่น และไม่ได้มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ผมจะเล่าเหมือนกำลังพูดกับตัวเองเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนที่ยังอายุ 25 ปี และไม่มีความรู้เรื่องการลงทุน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เล่าอาจไม่ถูกใจทุกคน แต่ผมหวังว่ามันจะช่วยให้ใครบางคนได้เข้ามาในตลาดโดยมีเกราะคุ้มกันบ้าง
เราควรลงทุนใน Cryptocurrency ดีไหม
คำถามง่ายๆ ที่ตอบยากนี้ตอบได้หลายแบบมาก แต่ถ้าเอาแบบห้วนๆ ผมจะตอบว่า “ก็ดีนะ” หรือ “เรียกว่าน่าสนใจมากกว่า” โดยเหตุผลนั้นคือมันมี Potential ที่น่าสนใจมากในอนาคต ซึ่งน่าจะต้องผ่านความฉิบหายอีกมากมาย แต่การมีตัวตนและเติบโตในระยะยาวนั้นค่อนข้างจะแน่นอน
เนื้อแท้ของ Cryptocurrency นั้นคือการทำให้เรื่องของระบบการเงินการส่งต่อมูลค่านั้นเป็นสิ่งที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีเงื่อนไขที่น้อยลงไปเรื่อยๆ อาจจะฟังดูงงๆ ในโลกที่ทุกคนคุ้นเคยกับการใช้ PromptPay โอนเงินไปมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องขอบอกว่าในระบบการเงินนั้นเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาได้เชื่องช้าที่สุดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ เหตุผลก็คือมันมีความเกี่ยวข้องกับอำนาจและเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้มันถูกควบคุมอย่างเข้มงวด การโอนมูลค่ายิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งไกลเท่าไหร่ ความยุ่งยากรวมไปถึงค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นตาม
ดังนั้นเมื่อเกิด Cryptocurrency ที่เราสามารถโอนมูลค่าหากันได้อย่างอิสระ มันก็ไม่ต่างอะไรกับอินเทอร์เน็ตที่เราสามารถส่งข้อมูลหากันอย่างอิสระ เพียงแต่มันจะเปลี่ยนจาก “ข้อมูล” เป็น “มูลค่า” ซึ่งเมื่อเกิดสิ่งนี้มันจะทำให้เกิดการทดลองมากมาย ที่จะล้มเหลวจำนวนมาก แต่ก็ได้ผลลัพธ์เป็นนวัตกรรมเช่นกัน โดยดั้งเดิมอินเทอร์เน็ตทำได้แค่ส่งข้อมูลหากัน แต่ทุกวันนี้มันกลับพัฒนาเป็น Social Media, E-commerce จนคำด่ามากมายว่าอินเทอร์เน็ตเป็นเพียงแหล่งมั่วสุมของเรื่องผิดกฎหมายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครพูดถึงแล้ว Cryptocurrency ก็เช่นกัน มันแค่ขึ้นกับเวลาว่าจะมีคนเห็นประโยชน์เมื่อไหร่เท่านั้นเอง
สรุปแล้วคือในเทคโนโลยีที่ทำให้คนส่งต่อมูลค่ากันง่ายๆ จะมีอยู่อย่างแน่นอน แต่ผลลัพธ์ที่สำเร็จอาจจะต้องผ่านกองซากความล้มเหลวอีกมากมาย เพราะงั้นการเข้าไปศึกษาหรือลงทุนในมันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
การลงทุนใน Cryptocurrency เสี่ยงแค่ไหน? ผลตอบแทนได้แค่ไหน?
ถ้าพูดหยาบๆ เลยก็คือการลงทุนใน Cryptocurrency นั้นเสี่ยงมาก ถ้าเอาแค่ Bitcoin ตัวเดียว Drawdown ที่เป็นไปได้คือ 60-70% แต่ในทางกลับกันก็มีโอกาสโตไปถึง 100-200% เช่นกัน แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่นั่นคือตลาด Cryptocurrency นั้นมีความผันผวนสูงมาก และนั่นหมายถึงทั้งขาขึ้นและขาลง
ถ้าใครเคยลงทุนในตลาดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Cryptocurrency แล้วจะตกใจมากกับการผันผวนที่มากกว่า 15-20% แต่ถ้าเป็นคนที่ลงทุนใน Cryptocurrency จนชินจะไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ นั่นเพราะความผันผวนที่เกิดขึ้นนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในกรอบที่สั้น ในตลาดหุ้นดั้งเดิม การที่หุ้นจะขึ้นระดับ 30% ได้อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี แต่ในโลก Cryptocurrency การลง 20% และฟื้นกลับมาที่เดิมแล้วขึ้นต่อ 10% หลังจากนั้นลงไป 30% สามารถเกิดขึ้นได้ในเดือนเดียว
มันน่ากลัว แต่ถ้าเรามองเป็นค่าเฉลี่ยเติบโตในระยะยาวแล้วเราจะพบว่าโดยรวมแล้ว Cryptocurrency ค่อยๆ เติบโตอย่างต่อเนื่องแม้จะมีความผันผวนก็ตาม ดังนั้นแล้วถ้าคุณลงทุนใน Bitcoin คุณจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนในระยะยาวเป็น + เสมอๆ แต่จะต้องเจอกับความผันผวนในระยะสั้นระดับ 20-50% ซึ่งความผันผวนระดับนี้เป็นสิ่งที่บางคนอาจจะพูดว่าทนได้ แต่พอเกิดจริงๆ แล้วทนไม่ได้จนต้อง Cut Loss ไปอย่างน่าเสียดายสวัสดีครับ ตอนนี้ก็ปี 2025 แล้ว ถ้านับตามเวลาก็เป็นเวลา 8 ปีแล้วที่ผมเริ่มต้นลงทุนในตลาด Cryptocurrency เมื่อปี 2017 ในตอนนั้น Bitcoin ยังมีราคาแค่ 40,000 บาท ส่วน Ethereum (ETH) ก็เพียง 1,500 บาท ซึ่งถ้าจะพูดตามตรง การเติบโตของ Cryptocurrency เกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่ผมคาดไว้ในช่วงที่เริ่มลงทุนครั้งแรกมาก
แน่นอนว่าคงมีหลายคนสนใจจะลงทุนใน Cryptocurrency ในปี 2025 ซึ่งบางคนอาจไม่เคยผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นมาก่อนเลย (ซึ่งผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น) การไม่รู้อะไรหลายอย่างหรือไม่เข้าใจก็อาจเป็นอุปสรรคได้ ผมเลยอยากใช้โอกาสนี้ถ่ายทอดแนวคิดและประสบการณ์การลงทุนตลอด 8 ปีที่ผ่านมาให้ฟัง อย่างไรก็ตาม ขอ Disclaimer ไว้ก่อนว่า สิ่งที่ผมเล่าเป็นเพียงมุมมองส่วนตัวที่ผมตกผลึกมา อาจไม่เหมือนกับมุมมองของคนอื่น และไม่ได้มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ผมจะเล่าเหมือนกำลังพูดกับตัวเองเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนที่ยังอายุ 25 ปี และไม่มีความรู้เรื่องการลงทุน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เล่าอาจไม่ถูกใจทุกคน แต่ผมหวังว่ามันจะช่วยให้ใครบางคนได้เข้ามาในตลาดโดยมีเกราะคุ้มกันบ้าง
เราควรลงทุนใน Cryptocurrency ดีไหม
คำถามง่ายๆที่ตอบยากนี้ตอบได้หลายแบบมาก แต่ถ้าเอาแบบห้วนๆผมจะตอบว่า “ก็ดีนะ” หรือ “เรียกว่าน่าสนใจมากกว่า” โดยเหตุผลนั้นคือมันมี Potential ที่น่าสนใจมากในอนาคต ซึ่งน่าจะต้องผ่านความฉิบหายอีกมากมาย แต่การมีตัวตนและเติบโตในระยะยาวนั้นค่อนข้างจะแน่นอน
เนื้อแท้ของ Cryptocurrency นั้นคือการทำให้เรื่องของระบบการเงินการส่งต่อมูลค่านั้นเป็นสิ่งที่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีเงื่อนไขที่น้อยลงไปเรื่อยๆ อาจจะฟังดูงงๆในโลกที่ทุกคนคุ้นเคยกับการใช้ Promptpay โอนเงินไปมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องขอบอกว่าใน ระบบการเงินนั้นเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาได้เชื่องช้าที่สุดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ เหตุผลก็คือมันมีความเกี่ยวข้องกับอำนาจและเศรษฐกิจของประเทศทำให้มันถูกควบคุมอย่างเข้มงวด การโอนมูลค่ายิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งไกลเท่าไหร่ ความยุ่งยากรวมไปถึงค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นตาม
ดังนั้นเมื่อเกิด Cryptocurrency ที่เราสามารถโอนมูลค่าหากันได้อย่างอิสระ มันก็ไม่ต่างอะไรกับอินเทอร์เน็ตที่เราสามารถส่งข้อมูลหากันอย่างอิสระ เพียงแต่มันจะเปลี่ยนจาก “ข้อมูล” เป็น “มูลค่า” ซึ่งเมื่อเกิดสิ่งนี้มันจะทำให้เกิดการทดลองมากมาย ที่จะล้มเหลวจำนวนมาก แต่ก็ได้ผลลัพธ์เป็นนวัตกรรมเช่นกัน โดยดั้งเดิมอินเทอร์เน็ตทำได้แค่ส่งข้อมูลหากัน แต่ทุกวันนี้มันกลับพัฒนาเป็น Social media, Ecommerce จนคำด่ามากทายว่าอินเทอร์เนตเป็นเพียงแหล่งมั่วสุมของเรื่องผิดกฎหมายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครพูดถึงแล้ว Cryptocurrency ก็เช่นกันมันแค่ขึ้นกับเวลาว่าจะมีคนเห็นประโยชน์เมื่อไหร่เท่านั้นเอง
สรุปแล้วคือในเทคโนโลยีที่ทำให้คนส่งต่อมูลค่ากันง่ายๆจะมีอยู่อย่างแน่นอน แต่ผลลัพธ์ที่สำเร็จอาจจะต้องผ่านกองซากความล้มเหลวอีกมากมาย เพราะงั้นการเข้าไปศึกษาหรือลงทุนในมันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
การลงทุนใน Cryptocurrecy เสี่ยงแค่ไหน? ผลตอบแทนได้แค่ไหน?
ถ้าพูดหยาบๆเลยก็คือการลงทุนใน Cryptocurrency นั้นเสี่ยงมาก ถ้าเอาแค่ Bitcoin ตัวเดียว Drawdown ที่เป็นไปได้คือ 60-70% แต่ในทางกลับกันก็มีโอกาสโตไปถึง 100-200% เช่นกัน แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่นั้นคือตลาด Cryptocurrency นั้นมีความผันผวนสูงมาก และนั้นหมายถึงทั้งขาขึ้นและขาลง
ถ้าใครเคยลงทุนในตลาดอื่นๆที่ไม่ใช่ Cryptocurrency แล้วมันจะตกใจมากกับการผันผวนที่มากกว่า 15-20% แต่ถ้าเป็นคนที่ลงทุนใน Cryptocurrency จนชินจะไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ นั่นเพราะความผันผวนที่เกิดขึ้นนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในกรอบที่สั้น ในตลาดหุ้นดั้งเดิมการที่หุ้นจะขึ้นระดับ 30% ได้อาจจะต้องเวลามากกว่า 1 ปี แต่ในโลก Cryptocurrency การลง 20% และโตกลับมาที่เดิมแล้วขึ้นต่อ 10% หลังจากนั้นลงไป 30% สามารถเกิดขึ้นได้ในเดือนเดียว
มันน่ากลัวแต่ถ้าเรามองเป็นค่าเฉลี่ยเติบโตในระยะยาวแล้วเราจะพบว่าโดยรวมแล้ว Cryptocurency ค่อยๆเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้จะมีความผันผวนก็ตาม ดังนั้นแล้วถ้าคุณลงทุนใน Bitcoin คุณจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนในระยะยาวเป็น + เสมอๆแต่จะต้องเจอกับความผันผวนในระยะสั้นระดับ 20-50% ซึ่งความผันผวนระดับนี้เป็นสิ่งที่บางคนอาจจะพูดว่าทนได้ แต่พอเกิดจริงๆแล้วทนไม่ได้จนต้อง Cut Loss ไปอย่างน่าเสียดาย
สำหรับการลงทุนใน Altcoin อื่นๆ (เหรียญอื่นๆนอกเหนือจาก Bitcoin) นั้นจะมีความเสี่ยงประมาณ 80% และมี Upside ได้ถึง 1000% อย่างไรก็ตาม Altcoin นั้นมีความเสี่ยงตรงที่ถ้าเราหวังว่ามันจะขึ้นตามสภาวะตลาดในระยะสั้นนั้นมันจะมีช่วงเวลาไม่นานที่เราเรียกว่า Altcoin Party ที่เราจะเห็น Altcoin พุ่งเป็นแถวเรียกได้ว่าในรอบปีนึงอาจจะมีช่วงเวลานี้ประมาณ 1-2 เดือนหรืออาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ความเสี่ยงของการถือ Altcoin อีกอย่างคือมันจะเติบโตได้ดีในสภาวะตลาด Sideway หลังจากสภาวะตลาดโดยรวมมีเม็ดเงินอัดฉีดเข้ามา แต่ถ้า Bitcoin ขึ้นหรือลงแค่ 5% เราอาจจะเห็น altcoin ลงได้ถึง 30% เช่นกัน
Memecoin เป็นเหรียญที่สามารถทำกำไรได้มหาศาลพอๆกับความเสี่ยงที่แทบจะเป็นศูนย์ โดยส่วนตัวรู้จักคนที่สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 100x ภายในเวลาปีเดียวมีอยู่จริงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ได้เหมาะกับทุกคน ซึ่งไม่มีใครที่จะเข้าใจความเสี่ยงของ Memecoin จนกระทั่งเสียเงินแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆเช่นกันดอกปล่อยกู้อื่นแต่อาจจะยังไม่ต้องเข้าใจในตอนนี้ สุดท้ายแล้วโดยรวมคือโลก Cryptocurrency นั้นให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาวแต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงมาก มีวิธีหลากหลายในการหาเงินกับมัน และถ้ายังไม่เข้าใจอะไรก็พยายามแค่ลองๆ อย่าโลภให้มาก เพราะแค่ผลตอบแทนจาก Bitcoin ก็ถือว่าชนะตลาดอื่นๆไปหลายขุมแล้ว ถ้าโลภไปมากกว่านั้นโดยไม่เข้าใจก็ไม่ต่างจากการพนัน
เริ่มต้นจาก Bitcoin และความเข้าใจใน Bitcoin
สิ่งที่น่าตลกคือคนที่เข้ามาในวงการของ Cryptocurrency น้อยคนจะเริ่มจาก Bitcoin ก่อน ส่วนใหญ่มันจะเข้ามาตามการโฆษณาของโปรเจคต์ต่างๆหรือเข้ามาเพราะอยากซิ่งเหรียญ Meme ซึ่งก็อาจจะไม่ผิดอะไรถ้าคนเหล่านั้นพอมีความรู้ในการลงทุนอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นมือใหม่เลยจะไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่
เราควรเข้าใจว่าการลงทุนใน Cryptocurrency เมื่อเทียบกับตลาดๆอื่นนั้นจะค่อนข้างมีความเสี่ยงมาก และการลงทุนในเหรียญอื่นๆนอกเหนือจาก Bitcoin นั้นมีความเสี่ยงที่มากขึ้นไปอีกโดยเฉพาะ Meme ซึ่งถ้าเข้าใจว่าตัวเองกำลังเล่นกับอะไรที่เสี่ยงมากก็แล้วไป แต่ถ้าไม่รู้ตัวนั่นคือปัญหาใหญ่ ซึ่งคนส่วนใหญ่หวังรวยเร็วเลยไม่ได้สนใจความเสี่ยงเท่าไหร่
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าเราดูผลตอบแทน Bitcoin ในระยะสั้นและยาวเรียกได้ว่ามันชนะสินทรัพย์อื่นๆแทบจะทุกประเภทแล้ว ดังนั้นในโลกปกติกำไรจาก Bitcoin ก็ถือว่า “เยอะ” และอาจจะเรียกได้ว่าเสี่ยงพอแล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยอยากแนะนำให้เริ่มจากโครงการอื่นๆเท่าไหร่ เพราะการทำความเข้าใจโครงการอื่นๆโดยไม่เข้าใจ Bitcoin มาก่อนนั้นเป็นเหมือนการเรียนตำราข้ามเล่มอยู่พอควร
Bitcoin นั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจยากและอาจจะน่าเบื่อเมื่อเทียบกับ Cryptocurrrency อื่นๆ เพราะการจะเข้าใจนั้นต้องมีความรู้ในแง่ Tech ระบบการเงิน และเศรษฐศาสตร์ และยังเป็นเศรษฐศาสตร์นอกบทเรียน ที่มีแนวคิดย้อนแย้งกับตำราในปัจจุบัน และต้องเรียนรู้เรื่อง การเข้ารหัส ,Blockchain , และเทคโนโลยีเบื้องต้น แต่ถ้าคุณผ่านด่านมันได้ คุณจะเข้าใจสิ่งอื่นๆได้ง่ายขึ้น
Note: สำหรับคนที่อยากรู้ว่า “ทำไมต้อง Bitcoin” ขอแนะนำให้อ่าน Bitcoin standard จะเข้าใจแนวคิดทั้งหมด แต่ถ้าอยากรู้ว่า Bitcoin คืออะไรแนะนำให้อ่าน Bitcoin & Blockchain 101
ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ Bitcoin นั้น “เซฟ” ที่สุดแล้วในโลก Cryptocurrency ไม่ว่าในแง่คุณสมบัติและการลงทุนก็ตาม มันถูกพิสูจน์มานานกว่า แม้ว่าโครงการอื่นๆจะเย้ายวนคุณแค่ไหนอย่าลืมว่ามันคือการทดลองที่อาจจะออกหัวหรือก้อยก็ได้ ในเมื่อเรารู้ว่า Cryptocurrency คืออนาคตที่แน่นอน สิ่งที่ควรรู้ไว้คือเราควร “อยู่รอด” มากกว่าที่จะเอาเงินทั้งหมดไป All-in เหรียญที่อาจจะเป็นเทคโนโลยีหรือธุรกิจที่อาจล้มได้
Bitcoin เหมือนทองคำ Altcoin เหมือนหุ้นเทค
เมื่อเราเทียบกันแล้ว Bitcoin นั้นจะเหมือนทองคำส่วน Altcoin นั้นเหมือนกับหุ้นเทค ถ้าเราว่ากันตามตรงแล้วคนทั่วไปมักจะเข้าสู่วงการ Cryptocurrency จาก Altcoin ซะมากกว่า Bitcoin เนื่องจากมันมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับธุรกิจ ทำให้คนที่เล่นหุ้นอยู่เดิมนั้นอาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่า แต่อย่างไรก็ตาม Cryptocurrency เป็นตลาดสินทรัพท์เสี่ยง กลายเป็นเว่าเมื่อตลาดหลักมีการเปลี่ยนแปลง แม้โครงการเหล่านี้จะมีภาพลักษณ์หรือโฆษณาที่ดูดีขนาดไหนก็ไม่สามารถต้านทางกระแสเงินได้ เพราะอย่างนั้นการลงทุนใน Altcoin นั้นจึงมีความเสี่ยงที่มาก อย่างไรก็ตามมันก็สามารถได้ผลตอบแทนที่มากเช่นกัน แต่กว่าเวลาของมันจะมาถึงอาจจะต้องใช้เวลานาน
ถ้าเราย้อนเวลาไปซัก 5 ปีก่อนหรือเอาแค่ 2 3 ปีก่อน อันดับ Altcoin ที่อยู่ลำดับ 30-50 อันดับแรกนั้นแทบจะไม่เห็นอยู่ในปัจจุบัน โครงการที่เคยรุ่งเรืองมากก็อาจจะหายไปในเวลาไม่ถึงปีได้ แนวทางที่ดีที่สุดของการลงทุน Altcoin คือการหาตัวที่เราคิดว่าจะเป็นกระแสและเติบโตได้ในอนาคตอันใกล้ (1-2 ปี) ซื้อไว้ในตอนที่ตลาดซบเซาและรอเวลา อย่างไรก็ตามความเสี่ยงมีทั้งโครงการจะตายลง เหรียญจะไม่ขึ้น และเวลาที่ Bitcoin ราคาขึ้นหรือลงมันจะไม่ขยับตาม ส่วนใหญ่จะลงด้วยซ้ำ ทำให้การซื้อ Altcoin ในตลาดซบเซาเป็นการ Price in ตลาดล่วงหน้า 2 ไม้ก่อนที่จะเกิด Alt-Party แต่เราอาจจะต้องทนทำใจเวลาเห็น Bitcoin ขยับแต่เหรียญที่เราถือนั้นไม่ขยับตาม
ศึกษาแนวโน้มของตลาด Macro ให้ดี
จงจำไว้ ไม่ว่าสิ่งที่คุณได้ยินมาทั้งหมดในโลก Cryptocurrency คำบอกกล่าวหรือคำโฆษณาทั้งหลาย มันคือคำพูดพยากรณ์ “สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต” หรือพูดง่ายๆทุกสิ่งทุกอย่างคือ Wannabe คือมันอยากเป็นอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้น แต่มันยังไม่ใช่และไม่ได้รับการยอบรับมากเท่ากับอินเทอร์เน็ต แม้แต่ Bitcoin ที่ได้รับการกล่าวขานว่าจะมาเป็น “ทองคำดิจิทัล” แม้คุณสมบัติของมันจะเป็นก็ตาม แต่การยอมรับนั้นยังไม่ใช่ (ถึงวันนั้นเมื่อไหร่การเติบโตอาจจะไม่มากเช่นกัน)
เพราะงั้นมันคือสินทรัพย์เสี่ยง มันไม่สามารถที่จะวิ่งสวนกระแสการเงินในตลาดอื่นๆของโลกได้ การเปลี่ยนแปลงเชิงมหภาคของการเงินนั้นมีผลมากต่อสินทรัพย์เสี่ยงพวกนี้ เพราะอย่างนั้นอย่าได้ละเลยการศึกษาเกี่ยวกับการไหลเวียนหลักของเงิน การเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ย ในสภาวะที่เงินบนโลกล้นเหลือ Cryptocurrency จะได้ประโยชน์อย่างมาก และจะหดตัวในสภาวะตลาดที่ตึงตัว จังหวะและโอกาสเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการลงทุนมาก แหล่งศึกษาที่แนะนำคือ Crossborder Capital
Memecoin สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
memecoin นั้นเป็นสิ่งที่อาจถูกทองว่าเป็นหุ้นปั่น หรืออาจจะเป็นเหรียญที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่รู้เกี่ยวกับตลาด Cryptocurency อย่างไรก็ตาม Memcoin นั้นถือเป็นนงัตกรรมที่น่าสนใจมากของการสร้างมูลค่าจากความรู้สึกร่วมของผู้คน มันอาจจะฟังดูเป็นสิ่งไร้สาระ แต่มีเหรียญรูปหมาตัวหนึ่งมีมูลค่าเกือบ 7 หมื่นล้าน มันจึงไม่ใช่เรื่องไร้สาระเท่าไหร่นักในอนาคต
อย่างไรก็ตามเราต้องแยกให้ออกว่าเหรียญ Meme ประเภทไหนเป็นเหรียญที่มีโอกาสโตขึ้นไปเป็น Internet Culture หรือ Cryptocurrency Culture และเหรียญไหนถูกสร้างขึ้นมาแค่อยากินเงินคนที่เข้าทีหลังเหมือนแชร์ลูกโซ่ อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าโอกาสความสำเร็จของเหรียญ Meme นั้นต่ำมาก
เริ่มต้นลงทุนยังไงดี
เริ่มไปเลยไม่ต้องคิดมาก ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะอ่านหลังสือหรือศึกษาข้อมูลจำนวนมากโดยไม่ได้ลงมือทำจริง เพียงแต่จำนวนเงินต้องเป็นจำนวนเงินที่ต้องเข้าใจว่า “เป็นการทดลอง” “เป็นการศึกษา” หรือพูดง่ายๆคือเงินต้องน้อยจริงๆ เพราะเรากำลังเล่นอยู่กับสิ่งที่เราไม่รู้
ในความเป็นจริงคือในโลกของ Cryptocurrency เราจะมีข้อมูลใน Consume เยอะ เยอะมากๆ เยอะมากๆถึงมากที่สุด ด้วยความที่มันเป็นเรื่องใหม่มันไม่เหมือนหุ้นที่มีมาเกิน 100 ปีแล้วคุณสมบัติของมันก็เป็นแค่หน่วยดิจิทัลที่จะสร้างเป็นอะไรก็ได้ เพราะงั้นมันจึงไม่ตายตัว ในทุกๆปีจะมีเรื่องราว เทคโนโลยี แนวคิดที่เกิดในโลก Cryptocurrency มากมายและบางอันอาจจะมีอายุไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำเกิด เพราะงั้นแทนที่เราจะมานั่งเก็บข้อมูลทุกตัว สู้ลองไปเลยแล้วหาแนวทางที่เหมาะกับเราจะดีกว่า
การแบ่งเงินจัดพอร์ทคร่าวๆ
คนที่เข้ามาในโลก Cryptocurrrency ไม่ว่าใครก็ตามหากอยากลงทุนใน Cryptocurrency อยากจะให้ค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะมือใหม่ที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน ลองเจียดเงินแค่ส่วนเดียวมาลง แล้วแต่ความสบายใจ โดยนี่คือพอร์ทคร่าวๆที่แนะนำและโดยส่วนตัวพอร์ทก็คล้ายๆแบบนี้
- Bitcoin ถือให้เกิน 50% ของพอร์ทเป็นอย่างน้อย เพราะ Bitcoin ถูกพิสูจน์มามากที่สุดและปลอดภัยที่สุด
- Altcoin Top 10 ที่ไม่ใช่ ADA และ XRP อย่างละประมาณ 5-10% ต่อตัวแล้วแต่ความพอใจแนะนำเป็น Eth กับ BNB
- Altcoin ที่อยู่ลำดับ 10-50 ตัวละไม่เกิน 5%
- Meme 1%
หลังจากที่คุ้นเคยกับตลาดจะปรับเปลี่ยนพอร์ทตามใจชอบก็ได้ เพราะหลายๆเหรียญมีแนวโน้มไปในทางเดียวกันถ้าเรามองว่า Cryptocurrency จะเป็นขาขึ้นหรือมีอนาคตเราถือ Altcoin บางตัวอาจจะมี Upside ที่มากกว่าแต่ต้องใช้ความเข้าใจมากในการถือเหรียญนั้นๆ
การเก็บรักษานั้นต้องมีความรับผิดชอบและเข้าใจ
การเก็บรักษา Cryptocurrency ด้วยตนเองนั้นเป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนศึกษาเพื่อความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม พลังอันยิ่งใหญ่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง เมื่อคุณเลือกเก็บรักษา Cryptocurrency ด้วยตัวคุณเองแล้วคุณต้องรับผิดชอบให้ดีและมีความรอบคอบ มีเรื่องราวมากมายในโลก Cryptocurrency เกี่ยวกับความเสียหายจากการรักษาไม่ดีเช่น
- ทำ Seed หาย
- ถ่ายรูป Seed
- จด Seed ผิด
- โหลด Wallet Scam
- โดน phishing
ขนาดผมเองยังเคยจด Seed Wallet ที่ใช้เป็นประจำผิดไปตัวนึง (ลายมือไม่สวยหนะ) กว่าจะหาเจอว่าผิดตัวไหนเล่นเอาใจหายในคว่ำไปนานมาก ดังนั้นแล้วถ้าจะเก็บเอง ศึกษาให้ดี ถ้าไม่ยังไม่เข้าใจเก็บไว้ใน Exchange โดยเฉพาะ Exchange ไทยจะปลอดภัยกว่ามาก
กำไรจนติดดอย ขายหมูแล้วเข้าไม่ทัน
ข้อผิดพลาดของคนที่อินกับตลาด Cryptocurrency คือเชื่อมั่นกับมันมากไปจนคิดว่ามันจะไม่มีวันลงยิ่งช่วงตลาดที่เป็นตลาดกระทิง วิธีแก้ไขคือต้องถอนกำไรเอาไว้บ้างเอาไปใช้ชีวิตจริงๆ และอย่าเชื่อมั่นกับอะไรมากเกินไป
ข้อผิดพลาดของคนที่ไม่ได้อินกับ Cryptocurrecny แต่อาจจะเคยลงทุนกับตลาดอื่นมองว่า Cryptocurrency เป็นเรื่องไร้สาระ คือการได้กำไรแค่ 5-10% แล้วถอนเงินออกจากตลาดไป พอกลับมาอีกทีก็ไม่รู้ว่าจะเข้าที่ราคาไหน หรือไม่รู้ว่าจุดขายที่ดีคือตอนไหน
ข้อผิดพลาดของคนที่ตามกระแสเฉยๆไปไม่ได้คิดอะไรมาก คือการทนความผันผวนแค่ 10-20% ไม่ได้และไม่รู้ว่าตัวเองควรซื้อหรือขายเพราะขาดความเข้าใจ
สุดท้ายคนที่ได้กำไรโดยที่ไม่มีความเข้าใจคือคนที่ซื้อโดยลืมไปแล้วว่าเคยซื้อ
บางครั้งถอดสมองอาจจะดีกว่า
ถ้าเราดูการเติบโตของตลาด Cryptocurrency แล้วถ้าเราเข้าใจภาพการเติบโตระยะยาว ซึ่งได้ผลตอบแทนที่ชนะตลาดอื่นๆ เรียกได้ว่าการเสียเวลาไปนั่งเทรดอาจจะแพ้คนที่ซื้อถูกตัวแล้วถือยาวเลยก็ว่าได้ และในโลก Cryptocurency นั้นมีเรื่องใหม่ๆและเทรนใหม่ๆเกิดขึ้นไวมาก แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่รอดในระยะยาว แต่ในระยะสั้นมันอาจจะมีกำไรมหาศาลก่อนที่มันตาย เพราะอย่างนั้นเวลาคุณได้ยินเทรนอะไรแปลกๆที่ดูเป็นไปไม่ได้หรือไร้สาระ ลองถอดสมองวางอีโก้ของตัวเองลงแล้วซื้อๆเหรียญตามกระแสไปบ้าง (แต่ต้องคุมความเสี่ยง) เพราะเราไม่มีทาง Consume ข้อมูลทั้งหมดได้ ในโลกที่รูปหมาชิบะมีมูลค่า 7 หมื่นล้านอะไรก็เกิดขึ้นได้
ไม่แน่จริงอย่าเล่น Leverage
ถ้าเราเข้าใจว่า Cryptocurrency ในระยะยาวมีอนาคต สิ่งที่เราควรทำคือ “อยู่รอด” มากกว่าไปตายเอาดาบหน้า ในโลกของ Cryptocurrency การถือ Spot ก็เพียงพอแล้วกับโอกาสเติบโต 10 เท่าในบางตัว ยิ่งถ้าคุณไป Leverage 100x บอกเลยว่ามีบอทของ Exchange จ้องจะเล่นคุณอยู่ สรุปคือไม่ Leverage ตลาดโดยรวมก็เสี่ยงพอแล้ว อย่าให้พอร์ทตัวเองแจกจะดีที่สุด จะ -50% ก็ยังดีกว่าเหลือ 0% จากการล้างพอร์ท