Blockchain เเละ การเลือกตั้ง: ประสบการณ์ของชาวญี่ปุ่น,สวิตเซอร์แลนด์ เเละ อเมริกัน
การเลือกตั้งที่อิสระและเสมอภาคเป็นส่วนหนึ่งของระบบประชาธิปไตยที่ดี จากประเทศสหรัฐอเมริกาถึงเซียร์ราลีโอน มีผู้สนับสนุนเทคโนโลยี blockchain เเละเชื่อว่าจะสามารถยกระดับความโปร่งใสของการเลือกตั้งได้ ความเป็นธรรมและประสิทธิภาพในกระบวนการเลือกตั้ง
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!ความกระตือรือร้นของชุมชน blockchain ร่วมกับการสนับสนุนชั่วคราวจากทางการ ทำให้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ได้สำเร็จเเละเผชิญกับบทวิจารณ์ที่เข้มข้น
การทดลองBlockchainของศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ของญี่ปุ่น
ปลายเดือนสิงหาคมเมือง Tsukuba ในประเทศญี่ปุ่น(เป็นเมืองที่เชื่อมโยงกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิด) ได้ทดลองใช้เทคโนโลยี blockchain ในระบบการลงคะแนนเสียง ผู้ลงคะแนนสามารถเข้าร่วมได้โดยใช้เลขประจำตัวประชาชน 12 หลัก
เรื่องนี้ถูกเผยเเพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเมือง โดยระบุว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถสลงคะแนนเสียง เพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆของสังคมได้ ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเลือกโครงการที่พวกเขาคิดว่าคุ้มค่าที่สุดในการสนับสนุนทางการเงิน 13 โครงการที่แตกต่างกัน ตั้งเเต่ปรับปรุงอุปกรณ์การเเพทย์ไปจนถึงกิจกรรมกลางแจ้ง
ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า มีการดำเนินการทดลองเพื่อหาว่า blockchainจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสเเละลดความผิดพลาดในการลงคะเเนเสียงลงได้หรือไม่
แม้ว่าการทดลองครั้งล่าสุดของประเทศญี่ปุ่นกับ blockchain จะเป็นไปปอย่างราบรื่น เเต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนในรัฐบาลจะเห็นด้วย
Sierra Leone: การเลือกตั้งโดยใช้ blockchain ที่ไม่ได้เกิดขึ้น
7 มีนาคม 2018 มีรายงานว่าเซียร์ราลีโอนได้กลายเป็นประเทศแรกที่ใช้เทคโนโลยี blockchain ในการเลือกตั้ง
Agora Technologies ซึ่งเป็นบริษัทในสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่าได้ดูแลการเลือกตั้ง โดยใช้ blockchain องเซียร์ราลีโอนเป็นครั้งแรก
เเต่ในความจรงจะต่างกันเล็กน้อยตรงที่ Agora ได้ติดตามกระบวนการลงคะแนนเสียง และดำเนินการทดสอบ Blockchain แยกต่างหาก
เพื่อแสดงตัวอย่างวิธีการเลือกตั้งในอนาคตโดยอาศัยเทคโนโลยีนี้
ซีอีโอของ Agora, Leo Gammar ถูกบังคับให้แก้ไขเรื่องเข้าใจผิดนี้ ความจริงที่ว่าบริษัทได้รับการรับรองเพื่อทดลองระบบ blockchain ของตัวเอง
ควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง ว่าสื่อมวลชนตื่นเต้นเกินเหตุ หน่วยงานของรัฐเพิ่มทางเลือกใหม่ที่ทำให้การเลือกตั้งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและ blockchain เป็นหนึ่งในนั้น
การทดลอง‘Crypto Valley’ ของ Switzerland โดยใช้ Blockchain ในการโหวต
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมือง Zug ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้รับความนิยมน้อยลงในเชิงทัศนียภาพของภูเขาและสถาปัตยกรรม เเต่ด้วยอัตราภาษีที่ต่ำและ cryptocurrency ทำให้กิดการไหนเข้ามาของกลุ่มคนที่สนใจเเละมาลงหลักปักฐานเรียกว่า “Crypto Valley” ที่ต้องการสร้างเป็นเมืองหลวงของ blockchain ทางการท้องถิ่นอนุญาตให้ชำระเงินใน Bitcoin สำหรับการให้บริการและเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็ประสบความสำเร็จในการลงคะแนนเสียงด้วย blockchain
การลงคะแนนเสียงขนาดเล็กขนาด 72 จาก 240 คนที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบการลงคะแนนออนไลน์
มีเเบบสอบถามประชาชนให้ให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในเขต ถ้าพวกเขาคิดว่าระบบ eID บนพื้นฐานของ blockchain ควรนำมาใช้ลงประชามติในอนาคต
สำนักข่าวสวิส (Swiss News Agency)รายงานผลแบบสอบถามดังนี้
มี 3คนระบุว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลงคะแนนแบบดิจิทัล
22คน ตอบว่าพวกเขาจะใช้ blockchain สำหรับการคืนภาษี
19 ตอบว่าพวกเขาจะจ่ายค่าจอดรถด้วยดิจิทัล ID
และอีก 3 คนบอกว่าพวกเขาจะใช้สำหรับการยืมหนังสือห้องสมุด
Dieter Miller หัวหน้าสื่อสารของ Zug กล่าวว่า นี่มันประสบความสำเร็จอย่างสูง
การทดลอง West Virginia trials โดยใช้blockchain โหวต
ในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 เวสต์เวอร์จิเนียอนุญาติให้พลเมืองที่อยู่ในกลุ่มติดอาวุธรวมทั้งพลเมืองที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ สามารถลงคะแนนเสียงผ่านทางโทรศัพท์ของพวกเขาได้ บนแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Voatz นี่เป็นการลงคะแนนเสียงผ่านสมาร์ทโฟนสำหรับการเลือกตั้งระดับรัฐบาลกลางครั้งเเรก
ความคิดนี้มีขึ้นในงาน hacking summit จัดโดยเกาหลีใต้ในเทศกาลเทคโนโลยีตะวันตกเฉียงใต้ในเท็กซัส
เลขาธิการแห่งรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย Mac Warner ประทับใจกับระบบตรวจสอบข้อมูล biometric ของ app และรูปแบบการรักษาความปลอดภัยของ blockchain บริษัท startup อย่าง Warner เเละ the Boston ที่สร้าง Voatz ก็อ้างว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี
เทคโนโลยี blockchain ในขั้นตอนการลงคะแนนเสียง จะถูกใช้ต่อต้านเรื่องอื้อฉาวของประวัติศาสตร์การเลือกตั้งในอดีต ในปี 2000 มีรายงานว่านับจำนวนพลาด ในปี 2016 มีหลายคนถูกกล่าวหาว่ามีบัตรลงคะเเนนมากกว่าหนึ่งใบในรัฐเดียวกัน
สถาบัน Brookings ระบุว่าการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เสนอข้อพิจารณาหลายประการที่ต้องใช้ในการลงคะเเนนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ความปลอดภัย การขู่ให้ลงคะเเนนเสียง การรับรอและความไม่สะดวกของเจ้าหน้าที่ สรุปว่า blockchain จำเป็นต้องได้รับการทดสอบอย่างทั่วถึงเพื่อคำนึงถึงต้นทุนและขนาดของการใช้งานที่เพิ่มขึ้น
Matt Blaze นักวิทยาการด้านการเข้ารหัสและการรักษาความปลอดภัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ได้บอกถึงจุดอ่อนของระบบ เเละเสนอให้ใช้วิธีอื่นแทน
Marian K. Schneider ประธานของVerified Voting กล่าวโจมตี app Voatz พร้อมระบุว่าแอปพลิเคชันแบบ blockchain และแอปพลิเคชันมือถือมาตรฐานที่มี blockchain มีอยู่น้อย
เเละมีข้อกังวลหลักคือแม้ว่าแอปจะเข้ารหัสข้อมูลของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ระบบปัจจุบันไม่สามารถรับรองได้ว่าโทรศัพท์และเครือข่ายบริการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะปราศจากช่องโหว่
Voatz อ้างว่าคำวิจารณ์เหล่านี้เป็น “โฆษณาชวนเชื่อที่เป็นเท็จ” และ “ความคิดเห็นที่บิดเบือนความจริง”
นักวิจารณ์รู้สึกไม่ประทับใจ
ขณะที่การวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการลงคะแนนออนไลน์และในโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ จะพูดถึงข้อบกพร่องในโปรแกรม แต่มีนักวิจารณ์หลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิด
Bruce Schneier นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และผู้เขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการเข้ารหัสและการรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ ได้เขียน blog ที่ต่อต้านการใช้ blockchain ในการเลือกตั้ง
Schneier กังวลเกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่ตามมาจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เช่น ปี 2007รัฐแคลิฟอร์เนียและโอไฮโอได้ตรวจสอบเครื่องลงคะเเนนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ เเละผลออกมาไม่ดีนัก จากการตรวจสอบพบว่าช่องโหว่ในเเทบจะทุกส่วนประกอบ
ไม่ใช่เฉพาะเครื่องลงคะเเนนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีปัญหา ปี2017 การประชุม Defcon hackers’ conference ได้รวบรวมอุปกรณ์จำนวน 25 ชิ้นและท้าทายผู้เข้าร่วมประชุม มีผู้เข้าร่วมได้โหลดซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายลงบนอุปกรณ์โดยไม่ใส่ชื่อและทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวเสียหาย
การวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดเกิดที่ศูนย์โจเซฟลอเรนโซฮอลล์ศูนย์เพื่อประชาธิปไตยและเทคโนโลยี ถูกเรียกว่าเป็นความคิดที่น่ากลัว
อย่างไรก็ตามการประท้วงครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ขัดขวางรัฐบาลต่างๆในการหาเทคโนโลยีที่จะใช้ในอนาคตอันใกล้ เราจะไม่พูดถึงการทดลองที่ไม่ใช่ระดับประเทศ เเต่การทดลองข้างต้นเกิดในประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศญี่ปุ่นและประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่จะยอมรับความสนใจใน DLT จากระบอบประชาธิปไตยชั้นนำของโลก