ผมคิดว่ามีหลายคนที่ไม่เชื่อในบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ มองว่าบิตคอยน์เป็นการหลอกลวง มองว่าบิตคอยน์เป็นแหล่งซ่องสุมของคนกระทำความผิด คุณไม่ใช่คนเดียวที่คิดอย่างนั้น คนส่วนใหญ่ และผมก็เคยคิดเหมือนกับคุณ
คนมีชื่อเสียง และผู้รู้ในหลายๆแขนง ก็ยังลำบากในการทำความเข้าใจมัน ทวีตด้านล่างนี้สรุปได้ดีมากๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
Most educated people fail to appreciate Bitcoin because they only specialize in 1 field.
To truly understand Bitcoin you must have some grasp of:
– Econ
– CS
– Cryptography
– Game Theory
– Central Banking
– Governance
– Global Macro
– Risk
– Psych
– Networks
– Dist. Systems— Misir Mahmudov ⏳ (@misir_mahmudov) March 4, 2019
แปลง่ายๆ คนมีการศึกษาที่ดีส่วนใหญ่ ล้มเหลวที่จะซาบซึ้งในตัวบิตคอยน์ เพราะว่าเขาเก่งในด้านเดียว เพื่อที่จะเข้าใจบิตคอยน์คุณต้องเข้าใจ
เศรษฐศาสตร์
วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
การถอดรหัส
ทฤษฎีเกมส์
ธนาคารกลาง
การกำกับดูแล
เศรษฐศาสตร์มหภาค
ความเสี่ยง
จิตวิทยา
เครือข่าย
เทคโนโลยีระบบกระจาย
เยอะขนาดนี้ งงไปเลยนะครับ ปัจจุบันผมก็ยังคงเรียนรู้อยู่ครับ และยังก็เข้าใจไม่หมด มีอะไรหลายๆอย่างให้ได้เรียนรู้ตลอดเวลา
มีหลายคนที่เคยไม่เชื่อในบิตคอยน์ และเปลี่ยนใจกลับมาเชื่อ หนึ่งในนั้น คือ เจมี่ ไดมอน ซีอีโอ ของ เจ.พี. มอร์แกน ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
เดือนกันยายน 2017 : เขาบอกว่าบิตคอยน์ คือ สิ่งหลอกลวง
เดือนมกราคา 2018 : เขาออกมาพูดว่า เขาเสียใจที่เรียกบิตคอยน์ว่าสิ่งหลอกลวง และเขาเชื่อในเทคโนโลยีเบื้องหลังมัน
เดือนกุมภาพันธ์ 2019 : เจ.พี. มอร์แกน ออกคริปโตเคอร์เรนซี่ของตัวเอง ชื่อว่าเหรียญ JPM
และล่าสุดผมได้อ่านบทความจากสำนักพิมพ์ Forbes พูดถึง การกลับใจมาเชื่อในบิตคอยน์และคริปโต ของนักเขียนผู้หนึ่งซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ของ “เงิน” ผมเลยแปลมาให้ได้อ่านแบบง่ายๆ ดังนี้
ผู้สงสัยในตัวบิตคอยน์ยอมรับ เขาผิดพลาดอย่างหนักเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี่
บิตคอยน์ซึ่งราคาลดลง 80% จากจุดสูงสุด มีแนวโน้มที่จะสูญเสียผู้สนับสนุนที่มากกว่าที่มันได้รับตลอดปีที่ผ่าน ด้วยเหตุที่ว่านักลงทุนและนักเก็งกำไรจำนวนมากต้องลำบากกับการให้เหตุผลที่ดีกับความเชื่อของเขาในเทคโนโลยี ในช่วงที่การตอบรับต่อการใช้เทคโนโลยีหยุดชะงักลง และแผนการเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดต่อบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ของธนาคารถูกหยุดพักไว้ชั่วคราว
ราคาบิตคอยน์พุ่งจากราคาน้อยกว่า 1,000 ดอลลาร์ ไปจนเกือบถึง 20,000 ในปี 2017 ทำให้บิตคอยน์ได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จำนวนมากตราหน้ามันว่าเป็นการหลอกลวง และแนะนำให้นักลงทุนที่สนใจหนีออกห่าง
ไม่นานมานี้ นักประวัติศาสตร์ทางเศษฐศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งพูดว่า เขาผิดพลาดอย่างหนักเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี่อย่างบิตคอยน์ และราคาบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ในตอนนี้ห่างไกลจากศูนย์มากๆ
เนล เฟอร์กูสัน ผู้เขียนหนังสือการกำเนิดของเงิน (The Ascent of Money) พูดที่งานสัมมนา The Australian Financial Review Business Summit ในช่วงต้นของเดือนนี้ เมื่อเขาถอนคำพูดในความเห็นก่อนหน้าของเขา ว่าบิตคอยน์และเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานจากบล็อคเชน จะไม่เป็น “ความเพ้อเจ้ออย่างสมบูรณ์แบบ” อย่างที่เขาเคยตราหน้ามันไว้
“ผมโคตรผิดพลาด” เฟอร์กูสันพูด “ผิดพลาดที่คิดว่า มันจะไม่มีการนำมาใช้งาน สำหรับรูปแบบของเงินบนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชน”
ความเห็นเกี่ยวกับบิตคอยน์ล่าสุดของเฟอร์กูสันเกิดขึ้น หลังจากที่เขาแสดงความรู้ผิดหวังที่เขาไม่ฟังลูกชาวัยรุ่นของเขา แล้วซื้อบิตคอยน์ในช่วงปลายปี 2014 เขาบอกว่ามันเป็น “การตัดสินใจด้านการลงทุนที่แย่ที่สุดในชีวิตของเขา”
ถ้าผมเชื่อฟังลูกชายของผม ผมคงได้เพิ่มมูลค่าในเงินดอลล่าจากการลงทุนประมาณ 45 เท่า หรือผมคงสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน 4,436% : เฟอร์กูสันเขียนไว้เมื่อสิ้นปี 2017
เป็นที่ชัดเจนว่า
เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี ต้องเชื่อฟังเด็กวัยรุ่น
เฟอร์กูสัน เข้าร่วมวงกับรุ่นใหญ่หลายๆคนในวงการเทคโนโลยี ผู้ซึ่งได้พูดสนับสนุนบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ไม่นานมานี้ คนอย่าง แจ็ค ดอร์ซี่ ซีอีโอของทวิตเตอร์ (Twitter) อีลอน มัสค์ ซีอีโอของเทสล่า(Tesla) และผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิ้ล(Apple) สตีฟ วอซเนียก ผู้ซึ่งชื่นชมบิตคอยน์ และเทคโนโลยีเบื้องหลังของมัน และเถียงถึงเรื่องที่ว่าเหรียญดิจิทัลยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น แล้วช่วงก่อตัว
สัปดาห์ที่ผ่านมา ดอร์ซี่ เปิดเผยว่า เขาเพิ่งเริ่มซื้อบิตคอยน์ในมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ โดยใช้โควต้าการลงทุนทั้งหมดของแคชแอพ (Cash App) ที่เขาเป็นเจ้าของ
มัสค์ ผู้ซึ่งทำให้ทุกคนตื่นเต้นในปีที่ผ่านมาว่าเขาอาจเข้าสู่วงการบิตคอยน์ ในเดือนนี้เขากล่าวถึงโครงสร้างของบิตคอยน์ว่า “ค่อนข้างล้ำ” โดยเพิ่มเติมว่า มันแทรกตัวผ่านการควบคุมทางการเงิน เงินกระดาษกำลังหมดไป และคริปโตเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแผ่นกระดาษมากๆในการส่งมูลค่า นั่นเป็นส่ิงที่แน่นอน
ล่าสุดบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซี่ได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อเฟสบุ๊คตัดสินใจที่จะเริ่มพัฒนาสกุลเงินของตัวเอง เพื่อใช้ในสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มการส่งข้อความของพวกเขา ในขณะที่ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง เจ.พี. มอร์แกน ก็กำลังพัฒนาโทเคนดิจิทัลบนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชนเช่นกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงินระหว่างประเทศ
ปัจจุบันบิตคอยน์ถูกกักขังอยู่ในตลาดหมีที่มีระยะเวลานาน ด้วยมูลค่าที่หายไปประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์จากโลกของคริปโตเคอร์เรนซี่ ในช่วง 14 เดือนที่ผ่านมา
การพุ่งขึ้นของบิตคอยน์ในปี 2017 เป็นเพราะความคาดการณ์ในการลงทุนจากนักลงทุนสถาบันและการสนับสนุนจากธนาคารขนาดใหญ่ ที่คนคาดว่ากำลังจะมา แต่ปรากฏว่าในช่วง 2018 ไม่มีการลงทุนเหล่านั้นเกิดขึ้น นักลงทุนและนักเก็งกำไรก็ต้องรับความเหน็บหนาวกันไปตามๆกัน
ครับและนั้นก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่เปลี่ยนใจมาเชื่อในตัวบิตคอยน์ และคริปโตเคอร์เรนซี่ หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ความรู้ไม่มากก็น้อยจากบทความนี้
สุดท้ายผมอยากจบบทความนี้ ด้วยคำพูดของ CZ ซีอีโอของไบแนนซ์ ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
“ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ แต่มันก็มีมูลค่า เราไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนมาใช้บิตคอยน์เพื่อให้มันมีมูลค่า”
แปลง่ายๆก็คือ ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนเชื่อในตัวบิตคอยน์ครับ คุณก็เช่นเดียวกัน แต่เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง เราแนะนำให้มาเริ่มต้นเรียนรู้กันตั้งแต่ตอนนี้ครับ วันละนิดวันละหน่อย สู้ๆนะครับ 🙂
อ้างอิง : https://www.forbes.com/sites/billybambrough/2019/03/12/bitcoin-skeptic-admits-he-was-very-wrong-about-cryptocurrencies/amp/
ขอขอบคุณเจ้าของบทความคุณเคนโด้ Flipay ครับ
สามารถติดตามเกร็ดความรู้เกี่ยวกับคริปโตได้ที่เพจของเราครับ Flipay