Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะคือสัญญาดิจิทัลที่ทำตามเงื่อนไขตามแต่ละข้อตกลงที่กำหนดไว้ บางครั้งสัญญาก็อ้างอิงถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่นถ้าถึงเวลานี้ จะโอนเงินจำนวนเท่านี้ไปให้ใคร ในกรณีที่เป็นการตั้งแต่เวลาล่วงหน้า หรืออะไรที่เกิดขึ้นแน่นอนไม่ใช่ปัญหา สัญญาอัจฉริยะนี้ทำตามได้อย่างไร้ข้อกังขา
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!แต่บางครั้งสัญญาอัจฉริยะก็อ้างอิงกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ เช่นสัญญาประกัน สัญญาพนัน โดยรวมก็คือสัญญาทางการเงิน ที่อ้างอิงถึงสิ่งที่อาจจะเกิดในอนาคต ดังนั้นการอ้างอิงข้อสัญญาจะต้องมีคนกลาง ยกตัวอย่างเช่น การอ้างอิงราคาของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สถาบันการเงินหลายแห่งจ่ายเงินให้กับ Bloomberg แลกกับการส่งข้อมูลอ้างอิง รวมถึงธนาคารด้วย ธนาคารนำข้อมูลเหล่านี้ไปทำอะไรหน่ะหรอ ทำได้หลายอย่างเลย เพราะธนาคารหลายแห่งในอเมริกาออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (Financial Product) ขึ้นมา และผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต้องการการอ้างอิงตลอดเวลา
ในช่วงที่ตลาดเปิดตัวเลขนับพันนับหมื่นรายการถูกส่งจาก Bloomberg ไปยังสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เช่นตัวเลขราคาหุ้นของ Microsoft อาจมีผลต่อกองทุนที่มีหุ้น Microsoft อาจส่งผลต่อ ETF/ETN ที่มีหุ้นของ Microsoft อ้างอิง และธนาคารกำไรจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินเหล่านี้จำนวนมาก เพราะธนาคารจะได้ค่า Management Fee หรือค่าธรรมเนียมการบริหาร อีกทั้งอาจกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้าตลาดครั้งแรกอีกด้วย บางเวลาก็ปั่นตลาดเองด้วย ไหนๆก็เงินหนาทั้งทีกินให้คุ้ม
ดังนั้นหากขาด Data Oracle ไป การทำสัญญาทางการเงินทั้งหลาย อาจก่อความเสี่ยงให้กับผู้ทำสัญญา เพราะอาจมีการโกงข้อมูลอ้างอิงเพื่อกวาดผลประโยชน์ หรือควบคุมทิศทางของสัญญาได้ ดังนั้นหากขาด Data Oracle อาจกล่าวได้ว่า Smart Contract จะทำงานในกลุ่มเงื่อนไข สิ่งที่อาจจะเกิดในอนาคตไม่ได้