fbpx

Stable Coin ฉากต่อไปของโลกดิจิทัล

โลกดิจิทัลพึ่งเปิดฉากขึ้น โลกจะวุ่นวายอีกมาก
และปริมาณเงินดิจิทัลจะเป็นหนึ่งในตัวผลักดัน และตัวชี้วัดแรกๆ
เพราะโลกของเรา ขับเคลื่อนด้วยสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเสมอ

Stable Coin ฉากต่อไปของโลกดิจิทัล

4 Jul 2019

ปัญหาของโลกดิจิทัลทุกวันนี้คือ

เรามี Stable Coin ไม่พอ ผมเคยพูดก่อนหน้านี้ไปแล้วว่า หากจะให้โลกเป็นดิจิทัลมากขึ้น จำเป็นจะต้องมีสภาพคล่องที่มากพอๆกัน ในการหล่อเลี้ยงระบบ ถึงจะทำให้ระบบยังคงอยู่ และสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยเราจะพูดกันถึงโครงสร้างทางการเงินและที่มาของสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจเก่าก่อน เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพที่ชัดเจน ก่อนเข้าสู่เรื่องการเปลี่ยนแปลงมาสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

เศรษฐกิจเก่า

เงินที่ผลิตจากธนาคารกลางหรือ Central Bank จะมีจำนวนมากกว่าสินทรัพย์ค้ำประกัน ในที่นี้คือการพิมพ์เงินแบบ Fractional Reserve หรือมีสินทรัพย์ค้ำในสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับเงินกระดาษที่พิมพ์ออกมา แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการพิมพ์เงินคือ ประชาชนเอาไปใช้จ่ายในระบบ จากนั้นประชาชนก็นำเงินไปฝาก มีการออมเกิดขึ้น ตามมาด้วยการลงทุน เมื่อมีการออม ธนาคารผู้ซึ่งใจกว้างและเอื้ออารี จะนำเงินอันมีค่าของเราไปปล่อยกู้ พร้อมบอกว่า ขอกินส่วนต่างนะ ตัวเลขที่หมุนในระบบธนาคารจะมีค่อนข้างมาก สิ่งสำคัญคือ ธนาคารเป็นคนควบคุมสภาพคล่อง และปล่อยสภาพคล่องมาสู่ระบบ ทำให้ระบบเศรษฐกิจเฟื่องฟูและพัฒนาก้าวหน้าต่อไปได้

แต่ภัยเงียบก็มาจากธนาคารเช่นกัน คำพูดนึงของ Janet Yellen อดีตประธาน FED หรือธนาคารกลางของสหรัฐ ได้กล่าวไว้ว่า “รู้ไหมข้อดีของธนาคารคืออะไร เวลาได้ธนาคารได้ เวลาเสียประชาชนเสีย” ซึ่งคำคำนี้เป็นเรื่องจริงมาก เวลาเราได้ดอกเบี้ย นั่นคือสิ่งที่โดนธนาคารหักมาแล้ว เราได้ในสัดส่วนที่น้อยมาก ในขณะที่ค่าบริหารที่ธนาคารได้ไป เยอะกว่าดอกเบี้ยปัจจุบัน 2-3เท่าเป็นอย่างน้อย แต่พอเกิดวิกฤต จากการบริหารล้มเหลว ประชาชนสูญเสียเงินทั้งหมด เพราะแม้แต่เงินที่จ่ายประกันเงินฝากขั้นต่ำ ธนาคารก็มีไม่พอ พอประกาศล้มละลาย คนจำนวนมากก็สิ้นเนื้อประดาตัว

โลกไร้พรมแดน

เป็นเรื่องที่ดี เมื่อ Stable Coin กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะมากกว่าที่ Bitcoin เคยกระทำกับระบบเศรษฐกิจเลยก็ได้ ปัจจุบัน Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรเป็นหลัก ไม่ได้ผลักดันเศรษฐกิจแต่อย่างใด แต่สิ่งนึงที่ Bitcoin ทิ้งไว้คือ แนวคิดเงินเสรี ทำให้พัฒนาเป็น Stable Coin ในยุคต่อมา โดย Stable Coin ตัวแรกคือ USDT ที่ออกมาในปี 2014 การมาของ Stable Coin จะสร้างให้โลกคึกคัดมากขึ้น เพราะการส่ง Bitcoin ยังมีปัญหาเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน แต่ Stable Coin ไม่มี

คาดการณ์ปริมาณเงินที่ไหลในโลกเศรษฐกิจใหม่

เศรษฐกิจใหม่ที่เป็นดิจิทัลจะหล่อเลี้ยงตัวเองได้ด้วยเงินที่เทียบเคียงดอลลาร์ โดยผู้เขียนคาดการณ์ว่า ในเบื้องต้นควรจะมี Stable Coin มากถึงหมื่นล้านเหรียญขึ้นไป เพื่อสร้างให้เกิด Adoption ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล และยังต้องพึ่งพิงโครงสร้างอื่นอีก เช่นการที่ผู้คนเปิดรับ Stable Coin เพื่อการค้ามากขึ้น กฎหมายเข้ามาคุ้มครองผู้บริโภคและผลักดันผู้ค้าด้วยสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งการพิมพ์เหรียญหรือสร้างเหรียญขึ้นนั้นไม่ยาก

แต่สิ่งที่ยากคือ การออกกฎหมายเพื่อผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล และคุ้มครองผู้บริโภคไปพร้อมกัน ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีปัญหาค่อนข้างมาก ดังนั้นรัฐโจทย์ใหญ่เกือบทั้งจะตกมาอยู่ที่รัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

Article
, ,
Writer

Maybe You Like