เชื่อหรือไม่ว่าชื่อเสียงของคน สามารถโนมน้าวคนได้
เรามักเห็นการโฆษณาสินค้าหรือบริการ
จากคนที่มีชื่อเสียงของดาราหรือคนดังมากหน้าหลายตา
ทำไมถึงต้องใช้คนที่มีชื่อเสียง เพราะเครดิตของพวกเค้า
ทำให้คนใช้เชื่อมั่นในสินค้ามากขึ้น อยากลองสินค้านั้นมากขึ้น
โลกคริปโตก็ไม่ต่างกันนัก เพราะหลายครั้งเราใช้ชื่อเสียงของคนในวงการเป็นส่วนประกอบการตัดสินใจลงทุน
หรือตัดสินใจเก็งกำไรบนเหรียญแต่ละเหรียญ ยิ่งคนที่มามีส่วนร่วมในโปรเจคมีความสามารถมากแค่ไหน
มีเครดิตหรือความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คนอยากลงทุนร่วมกันเหรียญนั้นมากขึ้นเท่านั้น
และในบทความนี้ จะขอกล่าวเรื่องของมูลค่าเหรียญ ที่มีที่มามาจากเหล่ากุนซือที่ปรึกษา
เช่น Vitalik Buterin , Ian Balina , Mandy , Jihan Wu , Anthony Di Iorio , Fenbushi Capital เป็นต้น
Anthony Di Iorio
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และบริษัทด้านบล็อกเชนอื่นๆอีกหลายแห่ง เช่น Jaxx
Anthony เป็นนักลงทุนที่ชอบเข้าไปลงทุนในช่วงแรกเริ่ม และถือเหรียญของโปรเจคเหล่านั้นเป็นเวลานาน ดังที่เขาถือ Ethereum มาตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มและถือมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ Anothony ยังเข้าไปมีส่วนร่วมกับอีกหลายโปรเจคที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือโปรเจค Strom ที่พึ่งมีการระดมทุนไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เอกลักษณ์อย่างนึงที่น่าสนใจของ Anthonu Di Iorio คือการตอบคำถามเกี่ยวกับโปรเจคได้ดีเหมือนเป็นเจ้าของโปรเจคนั้น และการที่เค้าถือเหรียญEthereumมาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่แรกเริ่มจนกระทั่งเติบโตอย่างมหาศาล น่าจะเป็นคำตอบที่ดีว่า เค้าลงทุนแบบเจ้าของมากกว่านักเก็งกำไร
Jihan Wu
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Bitmain เจ้าของเครื่องขุด Bitcoin สุดขายดี Antminer ตระกูล S ทุกรุ่น
Jihan Wu จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์และจิตวิทยาจากมหาลัยปักกิ่ง จากนั้นได้ก่อตั้ง Bitmain ในภายหลัง , Jihan Wu เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลต่อคริปโต และเป็นผู้สนับสนุน Bitcoin Cash , ในปี2017 CoinDesk ได้จัดอันดับ Jihan Wu ไว้ในลำดับที่10ใน10ผู้ทรงอิทธิพลของโลกคริปโต และในปี2018นี้ Jihan Wu ถูกจัดอันดับลำดับ3 ใน Fortune’s Ledger40 Under 40 โดยจัดอันดับผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเงิน (Technology+Finance) , ปัจจุบัน Jihan Wu อาศัยอยู่ที่ประเทศจีน
Vitalik Buterin
โปรแกรมเมอร์ชาวแคนาดา-รัสเซีย หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้โลกระดมทุนเปลี่ยนไปตลอดกาล ด้วยผลงานชิ้นเอก คือ Smart Contract และโด่งดังขึ้นเมื่อโลกระดมทุนแบบไร้พรมแดน ผ่าน “Smart Contract” ของ Ethereum เมื่อช่วงกลางปี2016 วิตาลิคหรือที่รู้จักในวงการICOไทยว่า “วิตามิลค์”
กระแสที่1คือการนั่งเป็น Advisor ในโปรเจคต่างๆ มาจากการที่วิตาลิคเข้าไปนั่งเป็นที่ปรึกษาในโปรเจคต่างๆ แล้วโปรเจคเหล่านั้นกำไรทันทีเมื่อเข้าเทรดหลังการระดมทุน ทำให้เกิดกระแสอยากระดมทุนในโปรเจคที่วิตาลิตไปนั่งเป็นที่้ปรึกษา หนึ่งในนั้นคือ OmiseGo หรือในชื่อย่อ OMG ของคุณดอน อิศราดร หะริณสุต
กระแสที่2คือเสื้อที่วิตามิลค์ใส่ เมื่อ Vitalik ใส่เสื้อตัวไหน ไปงานไหน แล้วถ่ายรูปลง Twitter จะมีฝูงชนเข้าไปดูชื่อโปรเจคที่เสื้อจากนั้นมาระดมทุนตาม
กระแสที่3คือรูปถ่ายกับวิตามิลค์ มีคนที่จะระดมทุนICOผ่าน PlatformของEthereum ได้บังเอิญไปเดินเจอไวมามิ้ลค์เข้า และไปถ่ายรูปคู่กับผู้ก่อตั้งEthereumคนนี้ ตามด้วยโพสลงTwitter ของโปรเจคเพื่อเรียกกระแส แต่ภายหลัง Vitalik ก็ได้ออกมาปฎิเสธว่า แค่เดินไปเจอ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับโปรเจคดังกล่าว
ปิดท้ายด้วยคำพูดของคุณปู่ Warren Buffett
“The only time to buy these is on a day with no ‘y’ in it.”
“เวลาเดียวเท่านั้นที่จะเข้าซื้อกิจการนั่นคือวันที่ไม่มี “Y” ในวันนั้น”
“Y” ในที่นี้ที่ลุงบัฟเฟตต์หมายถึงก็คือ “Why?” นั่นคือการจะเข้าซื้อกิจการใดๆ นั่นคือ การหมดข้อสงสัยในตัวธุรกิจและมั่นใจเท่านั้น
ความจริงแล้วคำกล่าวสุดอมตะของคุณลุงบัฟเฟตต์มีอีกมากมาย ทุกคนในโลกการลงทุนต่างยอมรับว่าลุงบัฟเฟตต์คือสุดยอดแห่งการลงทุน สังเกตได้จากการประชุมผู้ถือหุ้นของเบิร์กเชียร์ แฮร์ธาเวย์ที่มีผู้เข้าประชุมมากมายถึงขนาดต้องเปิดสนามฟุตบอลเพื่อประชุมกันเลยทีเดียว ไม่แน่นะครับชีวิตคุณอาจจะเปลี่ยนก็ได้ ถ้าได้เข้าไปลองฟังคุณลุงพูดซักครั้งนึง… ผมก็หวังว่าจะได้ไปฟังซักครั้งเช่นกัน
Happy Learning ครับ
Cr : https://keeepwriting.wordpress.com/2014/12/21/5quotesfrombuffett/