สวัสดีครับวันนี้ทางทีมงานของ Blockchain Review จะมารีวิวโปรเจคต์ที่น่าสนใจโปรเจคต์หนึ่งที่มีชื่อว่า Swappit โดยระบบนี้เป็นระบบที่สามารถทำการกู้ยืมเงินสกุลปัจจุบันโดยใช้ Cryptocurrency ในการค้ำประกันได้ ซึ่งที่จริงก็เคยมีโปรเจคต์ที่คล้ายกันออกมาแล้วโดยใช้ชื่อว่า Salt แล้วระบบกู้ยืมด้วย Cryptocurrency ถึงน่าสนใจหละเราจะมาเล่าให้ฟังกัน
Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!ระบบตราสารอนุพันธ์
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเราจะต้องพูดถึงระบบตราสารอนุพันธ์กันก่อนว่ามันคืออะไร ตราสารอนุพันธ์นั้นเปรียบเสมือนสัญญาทางการเงินในลักษณะต่างๆ ซึ่งมันสามารถใช้บริหารจัดการความเสี่ยงได้ถ้าใครฟังตรงนี้อาจจะงงๆ เดียวเราจะเล่าให้ฟังว่ามันคืออะไร
สมมติว่าผมไปถูกใจรถยนต์คันหนึ่งเข้าซึ่งในวันที่ผมสนใจนั้นมันมีราคา 1,000,000 ล้านบาทแต่พอดีผมยังมีเงินไม่พออาจจะมีแค่ 300,000 บาทผมอาจจะทำสัญญากับผู้ขายรถว่าจะขอจ่ายก่อน 300,000 บาท โดยที่เหลือจะจ่ายในอีกสามเดือน ประกฎว่าสามเดือนผ่านไปรถรุ่นนั้นขายดีมากจนขาดตลาดจนราคามันเพิ่มเป็น 1,100,000 บาท แต่ผมทำสัญญาไว้แล้วผมจึงจ่ายแค่อีก 700,000 บาท แทนที่จะเป็น 800,000 บาท ระบบตราสารอนุพันธ์จึงมีความสำคัญมากในควบคุมความเสี่ยงในการซื้อขายประเภทอื่นๆและรวมถึงสกุลเงินที่มีความผันผวนมากอีกด้วย และตราสารนี้ยังสามารถนำไปซื้อขายได้อีกด้วย
Swappit คืออะไร
Swappit นั้นเป็นแพลทฟอร์มที่จะอนุญาติให้ผู้ใช้งานสามารถกู้ยืมเงินสกุลทั่วไปเช่นดอลลาร์ได้ โดยใช้เงินดิจิทัลเช่น Bitcoin ในการค้ำประกันได้โดยมีดอกเบี้ยเพียง 4.8% ต่อปีและค่าธรรมเนียมอีกจำนวนหนึ่งโดยมีตัวอย่างการใช้งานดังนี้
จากตัวอย่างคือนาย Satoshi มี Bitcoin อยู่ 10 BTC ซึ่งมีราคา BTC ละ 10,000$ นาย Satoshi ตัดสินใจยืมเงินจากระบบ Swappit โดยใช้ Bitcoin ค้ำประกันซึ่งทาง Swappit ก็จะให้ Satoshi กู้ในมูลค่า 50% ของราคา Bitcoin และมันเท่ากับ 50,000$ และทาง Swappit ก็จะสัญญากู้ยืมที่เป็นตราสารนี้ไปลงซื้อขายในตลาดตราสารเพื่อเป็นการลงทุน
พอถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงๆว่าอ่าวแล้วในเมื่อ Satoshi มี Bitcoin ที่มีมูลค่า 100,000$ แล้วทำไมจะต้องไปยืมเงินที่มีมูลค่าแค่ 50,000$ อีก คำตอบคือมันการจัดการความเสี่ยงครับ เพราะในระหว่างที่นาย Satoshi เอาเงินไปใช้นั้นไม่ว่าราคา Bitcoin จะผันผวนเท่าไหร่ หาก Satoshi ต้องการ 10 BTC ที่ค้ำประกันคืน Satoshi ก็แค่นำเงิน 50,000$ ไปขอคืนเหมือนในกรณีที่เราแนะนำไว้ในข้างต้น ซึ่งนาย Satoshi ก็สามารถนำเงินที่ได้ไปใช้ก่อน ซึ่งหากราคา Bitcoin ขึ้นนาย Satoshi ก็อาจจะเหมือนได้กำไรแต่ถ้าราคา Bitcoin ลงหละจะเป็นยังไงไปดูตัวอย่างกัน
ในกรณีที่ Bitcoin ราคาขึ้นตรงนี้จะไม่มีปัญหาอะไรมากเพราะแค่นาย Satoshi แค่นำเงิน 50,000 $ ไปคืนก็จะได้ BTC คืนเช่นถ้า Bitcoin มีมูลค่า 15,000$ ในวันที่ Satoshi ไปขอคืน Satoshi ก็จะได้ 10 BTC ที่มีมูลค่า 150,000$ คืนมา
แต่ถ้าในกรณีที่ Bitcoin ราคาลงถึงจุดๆหนึ่งผู้ใช้งานจะถูกเตือนให้ใส่เงินเพิ่มเข้าไปในระบบไม่อย่างนั้นระบบจะทำการบังคับขาย Bitcoin ที่เราฝากไว้โดยขึ้นอยู่กับอัตราส่วนเงินที่เรายืมกับเงินที่เราฝาก อย่างในกรณีตัวอย่างที่เรายืมมา 50,000$ ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่า Bitcoin ในตอนแรก และนั้นเท่ากับว่าถ้า Bitcoin ที่เราฝากมีมูลค่าต่ำกว่า 50,001$ เมื่อไหร่เราจะถูกบัคับขายทันทีและนั้นก็แปลว่าราคา Bitcoin ต้องลดจาก 100,00$ เหลือ 5000$
ปัญหาเรื่อง Holder ในวงการ Cryptocurrency
เป็นเรื่องปกติที่ในวงการ Cryptocurrency ที่ผู้ใช้งานหลายคนนั้นจะถือเหรียญเพื่อการเก็งกำไร ซึ่งจริงๆแล้วในระบบการเงินการที่มีผู้ใช้งาน Hold เหรียญมากๆไม่ใช่เรื่องดีเพราะเงินไม่ได้ถูกหมุนเวียนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ระบบ ระบบตราสารของ Swappit จะทำให้เรา Leverage มูลค่าได้หลายเท่าโดยขึ้นกับอัตราส่วนเงินที่เรากู้ได้เช่นในกรณีนี้หากเรานำเงินที่ได้ไปซื้อ Bitcoin มากู้เงินใหม่เรื่อยๆเราจะมีตราสารที่มีมูลค่า 2 เท่าจากเงินตั้งต้น และตราสารนั้นยังสามารถนำไปขายแก่นักลงทุนได้อีกด้วยทำให้ ก่อเกิดมูลค่าและสภาพคล่องให้แก่ Cryptocurrency
ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย
อัตราค่าธรรมเนียมของ Swappit จะอยู่ที่ 3% และจะหักจากมูลค่าของเงินในวันที่หมดสัญญา สำหรับดอกเบี้ยนั้นอยู่ที่อัตรา 0.3% ต่อเดือนและสามารถจ่ายเป็น SWAP token หรือสกุลเงินอื่นๆได้
ตัวอย่างเช่น เราทำสัญญากู้เงิน 5000$ เป็นเวลา 1 ปีด้วย Bitcoin 1 BTC เราจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็น SWAP Token ที่มีมูลค่า 240$ หาก SWAP Token มีมูลค่า 1$ และจ่ายอีก 0.03 BTC เป็นค่าบริการ
Swap Contract
Swappit นั้นมี Interface ทั้งบน Android และ IOS ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกรูปแบบสัญญาได้โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.เลือกรูปแบบของสัญญา
2.เลือกรูปแบบการจ่ายเงิน
3.ยืนยันรายละเอียดสัญญา
4.รับเงิน
Blockchain และ Smart Contract
ระบบ Swappit นั้นมีการใช้ Blockchain ของ Ethereum เป็น Main Network และใช้ Smart contract ในการโอนถ่ายสัญญา โดยผู้ใช้งานสามารถปกปิดข้อมูลบางส่วนของสัญญาได้โดยใช้ Private key ของตัวเอง
ICO
Token ที่มีทั้งหมดในระบบนั้นมีทั้งหมด 1,000,000,000 SWAP โดย 50% หรือ 500,000,000 SWAP จะถูกขายใน ICO โดยมี Hardcap ที่ 50,000,000 USD
Fund usetage and token distribution
ระบบ Swappit นั้นมีการนำเงินไปใช้ในส่วนต่างๆดังรูปโดย Token ที่นำออกมาขายนั้นคิดเป็น 50% ของระบบ
Roadmap
สำหรับ Roadmap ของ Swappit นั้นจะมีรายละเอียดตามด้านล่างโดย Token sale จะเริ่มใน Q4 2018 และแพลทฟอร์มจะเปิดตัวใน Q1 2019
Team Advisor
ทีมงานของ Swappit ส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการธนาคารและการลงทุนโดยตัว CEO Rulin Zhao นั้นเป็นผู้ก่อตัง Lion Capital และ Hai Ting Yan ผู้เป็น Advisor นั้นก็เคยเป็นผู้บริหารของ Bank of China ในยุโรปอีกด้วย
สรุป
ระบบการกู้ยืมด้วย Cryptocurrency นั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเพราะถ้ามองในระยะยาวรูปแบบตราสารแบบนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่วงการเงิน แต่อย่างไรก็ตามระบบนี้มีโปรเจคต์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Salt ที่ทำออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่ง Swappit ก็เเก้เกมด้วยการลดค่าธรรมเนียมและฟังชั่นอื่นๆให้ดูมีความน่าสนใจ อีกหนึ่งสิ่งที่ดูน่าเป็นกังวลคือแม้ตัวทีมงานและ Advisor จะมีประสบการร์แต่การที่มี Hardcap ที่ 50 ล้านดอลลาร์ก็เป็นตัวเลขที่สูงมากในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูหน้าหลักได้ที่ https://swappit.com/ หรือเข้าไปสอบถามได้ในกลุ่มเทเลแกรมที่ https://t.me/swappit