fbpx

สภาวะถดถอย(Recession) ส่งผลยังไงกับโลกคริปโต

หลังจากที่บทความก่อนพูดถึงสภาวะถดถอยคืออะไรไป
บทความนี้จะมาพูดถึงผลกระทบต่อโลกคริปโต

สภาวะถดถอย(Recession) ส่งผลยังไงกับโลกคริปโต

13 Feb 2019

คริปโต สินทรัพย์เก็งกำไร ตามความเข้าใจโดยทั่วไปในปี2018

สินทรัพย์เก็งกำไรแบบใหม่บนโลกใบนี้ คงหนีไม่พ้นคริปโต แม้ว่าคริปโตเป็นสินทรัพย์นึงที่อาจทำกำไรได้สูงมาก แต่คริปโตก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากในเวลาเดียวกัน ในเรื่องความเสี่ยงคาดว่านักลงทุนมือใหม่และนักลงทุนมืออาชีพต่างทราบกันดี เพราะข่าวที่ออกมาตลอดปี2018 เป็นข่าวเรื่องของราคาคริปโตที่ลงเหมือนตกเหว ดังนั้นคนส่วนมากจะเข้าใจคริปโตในฐานะสินทรัพย์เก็งกำไรที่มีความเสี่ยง

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

ทำไมคนบางกลุ่มเริ่มขายคริปโตออกมา

ถ้าเกิดภาวะถดถอย แปลว่าคนระดับกลางและล่างที่ดันเศรษฐกิจ จะหาเงินได้น้อยลง นักเทรดคริปโตที่เป็นชนชั้นกลางและล่างก็จะเริ่มทยอยขายคริปโต จาก1.ปัจจัยเศรษฐกิจที่หาเงินได้น้อยลง เงินที่มาลงทุนก็ดึงกลับไปหมุนก่อน เพราะเริ่มขาดสภาพคล่อง 2.ราคาคริปโตที่ตกลงมามาก นักเทรดหลายคนที่หาเงินได้ไม่มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และนำเงินมาเทรดคริปโต เมื่อเจอกับราคาที่เหวี่ยงลงเรื่อยๆตลอดปี2018ที่ผ่านมา อาจตัดใจขายคริปโตออกจากพอร์ทการลงทุน เพราะราคาที่ตกลงมากเกินไป ทำให้ไม่อยากถือสินทรัพย์นี้อีกต่อไป

ปัจจับภาวะถดถอยต่อการใช้ชีวิตของชนชั้นสูง

ปัจจัยเรื่องภาวะถดถอยจะไม่กระทบการดำเนินชีวิตของชนชั้นสูงมากนักในช่วงแรก เพราะพวกเขาใช้เงินเพียง5-10%ของเงินที่หาได้เพียงเท่านั้น แต่สุดท้ายชนชั้นสูงอาจกระทบในเวลาต่อมา เมื่อเศรษฐกิจทรุดไปเรื่อยๆและยังไม่มีการฟื้นตัว

ปัจจัยภาวะถดถอยต่อการใช้ชีวิตของชนชั้นกลางและล่าง

ชนชั้นกลางและล่างใช้เงินกว่า70-80%หรือมากกว่านั้น ของพวกเค้าไปกับการดำรงชีวิต พวกเค้าเหลือเงินออมในสัดส่วนที่น้อยกว่าชนชั้นสูง ดังนั้นเมื่อรายได้ลดลง ส่วนแรกที่พวกเค้าจะตัดคือ ส่วนที่ออมเพื่อลงทุน เพื่อรักษาการดำเนินชีวิตเดิม เมื่อรายได้ลดลงอีก พวกเค้าจะใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตน้อยลง ทำให้เศรษฐกิจเริ่มตกอย่างแท้จริง จากการที่สินค้าคงเหลือมากขึ้น สินค้าคงเหลือมากขึ้นมาจากไหน ก็มาจากการที่ชนชั้นกลางและล่างลดการบริโภค และสาเหตุทั้งหมดก็มาจากการที่พวกเขาหาเงินได้ลดลง

ถ้าเกิดภาวะถดถอยคนส่วนมากจะทำอย่างไรกัน

1.ลดการลงทุนที่ไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงสูง เช่นคริปโต และตราสารอนุพันธ์ การเทรดเกินตัว(OverTrade) ณ จุดนี้ นักลงทุนบางส่วนอาจเริ่มซื้อทอง เพราะมนุษย์ยอมรับทองมาหลายพันปี คนส่วนมากจึงมีเชื่อที่ว่าทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
2.ลดการลงทุนที่มีความเสี่ยงระดับกลางและต่ำ เช่น หุ้นกลุ่มที่ไม่มีความชัดเจน และหุ้นที่เติบโตช้า ผลประกอบการและงบการเงินไม่ดี อาจเก็บหุ้นบางตัวไว้หรือขายหุ้นทิ้งทั้งหมด
3.คนจะเริ่มไม่เหลือเงินออม และไม่มีเงินไปลงทุน
4.คนจะเริ่มลดการใช้จ่าย เกิดสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น
5.ผลประกอบการของบริษัทจะเริ่มลดลง กำไรจะน้อยลง จากการที่ของขายไม่ออก เราจะเริ่มเห็นของลดราคามากขึ้น ในช่วงแรกของลดราคาจะดึงดูดคนได้ แต่ท้ายสุดคนจะชินเก็บการลดราคา และสินค้าคงเหลือจะเหลือมากขึ้นในระยะยาว (การลดราคาเป็นการดึงดูดระยะสั้น ไม่ใช่การบริโภคแบบปกติ ในสภาวะถดถอย ปัจจัยลดราคาจะส่งผลน้อยมาก)
6.เมื่อบริษัทกำไรน้อยลง จะส่งผลให้ Earning ลดลง และราคาหุ้นจะลดลงมาก งบของบริษัทออกทุก3เดือน ดังนั้นเราจะรับรู้หลังจากสถานการณ์ประมาณจริง3เดือน และบริษัทอาจเล่นกลทางบัญชี เอากำไรอนาคตมาใช้ ตรงนี้จะยื้อได้ประมาณ2ไตรมาสหรือ6เดือน

ดังนั้นถ้ามองที่ Earning ของหุ้นจะรู้ช้าที่สุด แต่คริปโตไม่ใช่ปัจจัยแรกที่มอง ให้เริ่มมองจากข้อตราสารอนุพันธ์และทองเป็นต้นมา เพราะคริปโตมีมูลค่าการตลาดค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น นักเทรดก็ยังมีจำนวนไม่มาก ยังใช้วัดอะไรไม่ได้ อีกทั้งคริปโตราคาขึ้นมาอย่างมหาศาลในช่วงปี2017 จึงไม่แปลกใจ หากราคาไม่การลดลงอย่างหนักหลังจากการเก็งกำไรครั้งใหญ่ คริปโตจะเป็นปัจจัยเมื่อคริปโตเป็นที่ยอมรับมากขึ้น คนทั่วไปเข้าใจ-ลงทุนมากขึ้น 

*** บริษัทที่เป็นบริษัทสากล (Global Company) ที่ขายสินค้าทั่วโลก อาจทำกำไรเท่าเดิม แต่ตัวเลขกำไรจะมากขึ้นได้ จากการที่เงินอ่อนตัวลง เหมือนหุ้นอเมริกาหลายตัว ที่ขายสินค้าไปทั่วโลก ดังนั้นค่าเงินจึงส่งผลต่องบทางบัญชีค่อนข้างมาก เมื่อเงินสหรัฐอ่อนลง ทำให้เงินที่แปลงจากสกุลอื่นกลับมาเป็นดอลลาร์สหรัฐ ได้ดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ทำให้งบบัญชีดีขึ้น ดังนั้นการคิดงบทางบัญชีของบริษัทสากลต้องเอาเรทตรงนี้มาคิดด้วย เพราะตอนนี้หุ้นอเมริกาหลายตัว กำลังหลอกทางบัญชี จากการอ่อนตัวของค่าเงิน

Article
, ,
Writer

Maybe You Like