Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!
ในช่วงแรกเริ่มของการลงทุนผมเคยเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้นอยู่ช่วงเวลานึง และเคยพลาดในการเก็งกำไรครั้งสำคัญ ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในโลกของการลงทุนคริปโตและเป็นมือใหม่ในการเก็งกำไรระยะสั้น โดยส่วนหนึ่งของการเก็งกำไรคือการซื้อขายตามข่าวซึ่งมีในทุกวงการ และสร้างการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างมหาศาล จึงนำเคสของการเก็งกำไรส่วนตัวในอดีตมายกเป็นเคสตัวอย่างให้คนที่เข้ามาลงทุนในวงการคริปโตได้ศึกษากัน โดยหัวข้อนี้คือ “Sell on News” แปลว่าการขายเมื่อข่าวออก การเก็งกำไรเปรียบเสมือนการคาดหวังสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นเมื่อข่าวออกมาราคาอาจจะขึ้นหรือตก แต่ระหว่างที่ข่าวยังไม่ออก ราคามักจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้น การเก็งกำไรในช่วงต้นของข่าวและขายกันก่อนข่าวออกหรือช่วงข่าวออกแรกๆจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า
“Sell on News” แปลตรงตัวว่าการขายบนกระแสของข่าว
ในช่วงที่ Litecoin เกิดกระแสของการทำ Segwit ซึ่งหลังการทำกระบวนการดังกล่าวจะทำให้การส่งธุรกรรมของ Litecoinมีขนาดเล็กลงด้วยการตัดพยานออกไป หากพูดในมุมมองของนักลงทุนระยะสั้นคือการเก็งกำไรจากกระแสนี้นั้นเอง
ในวันที่ 26 เมษายน 2017 ในวันที่26เมษายน2017– Charlie Lee ผู้สร้าง Litecoin ประกาศเกี่ยวกับการ Segwit ซึ่งจะส่งผลให้ระบบมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยลดขนาดของการทำธุรกรรมโดยตัดการบันทึกพยานออกจากTransaction
แต่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเก็งกำไรระยะสั้น และการปั่นราคาจากคนบางกลุ่มร่วมด้วย โดยมีการประโคมข่าวว่า Litecoin จะส่งได้ราคาถูกลง จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอาจมีแทนที่ Bitcoin
จริงๆแล้วข่าวที่ประโคมในเวลานั้นก็มีความเป็นไปได้เพราะ Bitcoin ประสบปัญหาการโอนที่ล่าช้า ประกอบกับการที่มีนักลงทุนรายใหม่เข้ามาในวงการ ทำให้การปั่นราคาสร้างกระแส ณ ตอนนั้นเกิดขึ้นได้
Cr : twitter.com/satoshilite/status/857278935377166336
Coindesk : Litecoin Successfully Activates Segwit
Cr:coindesk.com/litecoin-successfully-activates-long-debated-segwit-upgrade/
ในวันที่10พฤษภาคม2017 หลังจากการประกาศของ Charlie Lee เพื่อเริ่มนับถอยหลังการ Segwit , Litecoin ก็ได้ทำการ Segwit เพื่อทำให้ธุรกรรมของ Litecoin รวดเร็วขึ้น
ในช่วงวันที่26 เมษายนจนถึง 10 พฤษภาคม 2017
ราคาได้เพิ่มขึ้นมากกว่า1เท่า
จากราคาประมาณ 18$ ไปทำจุดสูงสุดของราคาใหม่ที่ราคาประมาณ 39$
แต่เนื่องด้วยเป็นราคากระแส พอถึงจุดนึงที่คนเก็งกำไรแห่มาร่วมกันขาย ทำให้ราคาร่วงลงอย่างรวดเร็ว เกิดเป็น “Panic Sell”
Panic Sell คืออะไร ?
Panic Sell หมายถึงการเทขาย หรือการตกใจขาย ทำให้เกิดการขายในปริมาณมากผิดปกติ ซึ่งทำให้ราคาของสิ่งนั้นตกลงอย่างมหาศาล
โดยมักเกิดจากการที่มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งนั้นออกมา หรือการที่มีการปั่นราคาขึ้นไปและคนที่ปั่นขายในจุดที่สูงและมีการปั่นข่าวกลับทำให้ราคาขึ้นลงอย่างมาก โดยปกติการปั่นราคาจะประสบความสำเร็จอย่างมากถ้านักลงทุนมือใหม่เข้ามาซื้อตามมาก ซึ่งในเคสที่ยกมาอยู่ในช่วงแรกที่ตลาดเติบโตอย่างมากจากการที่นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามา จุดนี้เป็นโอกาสและองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดการปั่นราคาได้
### ตามแพทเทิร์นมันคือรูปแบบ Head & Shoulder ###
จากราคาบอกได้ว่า ถ้าซื้อที่ช่วงการเป็นกระแสคือประมาณ 0.014-0.016/BTC และขายในช่วง 0.020-0.022/BTC จะสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างมาก ในทางกลับกันถ้าคุณไม่ได้ขายมันคุณจะขาดทุนเกือบครึ่ง เพราะหลังจากนั้น ราคาเทียบกับBTCตกลงไปต่ำถึงประมาณ 0.01/BTC ในมุมของราคาเทียบกับUSDก็มีการตกลงกว่าครึ่งจากจุดสูงสุดที่ปะมาณ 38$ ลงไปอยู่ที่จุดต่ำสุดถึง18$ ไม่ว่าจะมองทางไหนก็เป็นการสูญเสียจำนวนไม่น้อยทั้งสิ้น
การ Segwit นั้นเป็นการพัฒนาที่ส่งผลดี แต่มีการตีข่าวสร้างกระแสที่มากเกินไปทำให้ราคาสูงเกินมูลค่าที่ควรจะเป็น ทำให้เมื่อทำการ Segwit เสร็จทำให้เกิดการเทขายจากคนที่ปั่นราคา และราคาตกอย่ามหาศาล
“เคสนี้แสดงให้เห็นถึงการ Over Bought Over Sold คือการซื้อมากเกินไปและขายมากเกินความเป็นจริง”
ข้อสำคัญของการเล่นสั้น เก็งกำไรตามกระแส คือคุณต้องออกก่อน และออกให้ถูกจังหวะ อย่าซื้อด้วยเงินทั้งหมด
อย่าซื้อแบบออลอิน อย่าโลภ กำไรสำคัญกว่าสิ่งที่คุณกำลังพนันด้วย เพราะสิ่งพวกนั้นใช้เวลาพิสูจน์ซึ่งนานเกินกว่าที่จะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น มีนักเก็งกำไรท่านนึงกล่าวว่า “อย่ารักโปรเจ็ค ให้รักในผลกำไร”
Happy Trading ครับ