fbpx

DLT กับ HTTP และภารกิจของCloudFlare สู่ Decentralize Internet

follow blockchain review: tinyurl.com/ycp9yeyt

DLT กับ HTTP และภารกิจของCloudFlare สู่ Decentralize Internet

14 Nov 2018

ในวันที่ 17 กันยายัน content delivery network (CDN) CloudFlare ได้นำเสนอรูปแบบใหม่ของ content gateway โดยเป็น decentralized ผ่าน via InterPlanetary File System (IPFS) peer-to-peer (p2p) โดย network ทำงานอยู่บนคอมพิวเตอร์นับพันและข้ามการใช้ HTTP โดยทั่วไป นี่แหละที่เป็นวิธีการทำงานของมัน และทำไม CloudFlare ถึงเลือกที่จะสนับสนุนโครงการดังกล่าว

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

 

CloudFlare คืออะไร?

CloudFlare เป็นบริษัทที่ให้บริการ content delivery network (CDN) และ ระบบป้องกัน DDoS โดยทั่วไป CloudFlare มีบทบาทเป็นตัวกลางระหว่างเว็บไซต์และผู้เข้าชมปกป้องเว็บไซต์ด้วยการคัดกรองคำขอที่เรียกเข้าหน้าเว็บที่น่าสงสัยและเพิ่มประสิทธิภาพผ่าน CDN ที่ขับเคลื่อนด้วยศูนย์ข้อมูลถึง 152 แห่งทั่วโลก ในฐานะซีอีโอของ CloudFlare Matthew Prince ได้กล่าวถึง Wire

“ในศูนย์ข้อมูลนั้นเราจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียด : คุณเป็นคนดีหรือคนเลว? คุณกำลังพยายามเจาะเว็บไซต์นี้หรือไม่? หรือคุณเป็นลูกค้าที่ดี? ถ้าเราทราบว่าคุณเป็นคนเลวเราจะหยุดคุณที่นั่น เราทำหน้าที่เป็นโล่กำบังที่ครอบคลุมและปกป้องลูกค้าของเรา “

บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 เมื่อ Prince และ Lee Holloway ซึ่งได้ทำงานร่วมกันการทำทำระบบติดตามว่า ผู้ส่งอีเมลขยะได้รวบรวมอีเมลมาจากไหน (dubbed ‘Project Honey Pot’) ได้พบกับ Michelle Zatlyn ที่ Harvard Business School ซึ่ง Prince ได้รับปริญญาโทบริหารธุรกิจ และเขาพยายามขยายแนวคิดนี้ขึ้นมาใหม่และมาพร้อมกับชื่อใหม่และชนะการแข่งขัน Business Plan ของ Harvard Business School

เปิดตัวเบต้าอย่างเงียบๆในเดือนมิถุนายน 2010 ในวันที่ 27 กันยายนปีเดียวกันนั้น CloudFlare ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน TechCrunch Disrupt ในซานฟรานซิสโก “จากข้อมูลของ Wire ลูกค้าของ Cloudflare ค่อนข้างมีแตกต่างกันไป” จากบล็อกเกอร์แต่ละรายที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานให้กับบริษัทจนไปถึงที่จ่ายเงินได้ถึง 1 ล้านเหรียญต่อปีสำหรับการดูแลตลอด 24 ชั่วโมงที่รับประกันได้ “

CloudFlare และเส้นทางสู่ decentralized internet

CloudFlare ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณชนเกี่ยวกับความเป็นกลาง กับความคิดที่ว่าเครือข่ายไม่ควรเลือกปฏิบัติกับเนื้อหาที่ผ่าน content delivery network (CDN)

ในวันที่ 2 มิถุนายน 2011 กลุ่มแฮกเกอร์ Lulzsec ได้ทวีตว่า “เรารัก Cloudflare” หลังจากที่การบริการนี้ช่วยปกต้องการ DDOS บนเว็บไซต์ของพวกเขา เหตุการณ์ดังกล่าวดูเหมือนจะอธิบายถึงสถานะของ Cloudflare ได้ดี – ในขณะเดียวกันก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางของประสิทธิภาพของมัน แม้ก็มีการพูดถึงบ้างว่ามีการปกป้องผู้ที่เป็นอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต

และได้มีสถานการณ์ได้เกิดเพิ่มขึ้นอีกในปี 2013 เมื่อ Cloudflare ถูกเรียกว่า “ผู้ช่วยผู้ก่อการร้าย” เนื่องจากให้บริการกับเว็บไซต์ Kavkaz Center ,Prince อธิบายว่าทำไมถึงเลือกยืนหยัดที่จะให้บริการ

“หนึ่งในจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาคือความเชื่อที่ว่าคำปราศรัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เว็บไซต์ด้วยหลักเหตุผลแล้วนั้นเป็นเพียงแค่ถ้อยคำ และมันก็ไม่ใช่ระเบิดไม่มีอันตรายร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นและตัวผู้บริการเองไม่มีข้อผูกมัดในการตรวจสอบถ้อยคำที่รุนแรงหรือใดๆที่ตัวเว็บไซต์นั้นมีอยู่”

ในเดือนมีนาคม 2017 ศูนย์กฎหมายใต้ ได้เผยแพร่บทความที่อ้างว่า Cloudflare ได้เพิ่มประสิทธิภาพ “อย่างน้อย 48 ไซต์ที่น่าเกลียดทั่วยุโรป” บทความนี้เผยแพร่โดย ProRepublica ในเดือนพฤษภาคมปี 2017 Cloudflare ได้อัปเดตระบบรายงานการละเมิดเพื่อให้ผู้ใช้สามารถร้องเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาในไซต์ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

ในเดือนสิงหาคม 2017 Cloudflare ได้ตัดสินใจที่จะต่อต้านความเป็นกลางของตนเป็นครั้งแรกหลังจากเว็บไซต์ Neo-Nazi The Daily Stormer เขียนคอลัมน์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังกับการชุมนุมประท้วงใน Charlottesville และเพื่อส่งต่อไปยังผู้บริหารระดับสูงของ Cloudlflare และในที่สุด Prince จึงตัดสินใจที่จะปฏิเสธบริการดังกล่าว

IPFS คืออะไร

นโยบายที่กล่าวมาข้างต้นอธิบายว่าทำไมการสร้าง decentralized content gateway ดูเหมือนจะเป็นขั้นตอน logic สำหรับ Cloudflare เรียกว่า InterPlanetary File System (IPFS) gateway เป็นเรื่องที่ง่ายในการเข้าถึง IPFS ซึ่งเป็นระบบไฟล์แบบ peer-to-peer แบบ blockchain ซึ่งประกอบด้วยคอมพิวเตอร์หลายพันเครื่องที่จัดเก็บไฟล์ทำหน้าที่เป็น Node ภายในเครือข่ายทั่วโลก

IPFS เปลี่ยนแปลงระบบ HTTP แบบเดิมที่อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ยึดตาม แทนที่จะใช้ระบบระบุตำแหน่งที่ HTTP กำหนดให้เข้าถึง Google กล่าวว่าลูกค้าจะส่งคำขอไปยัง IP ของเซิร์ฟเวอร์ Google และเซิร์ฟเวอร์จะส่งกลับข้อความตอบกลับโดยจะนำเสนอเนื้อหา ดังนั้น IPFS ใช้ cryptographic hash ในไฟล์เป็นที่อยู่ CloudFlare อธิบายระบบนี้ด้วยตัวอย่างต่อไปนี้

“แทนที่จะส่งคำขอถึงเครือข่ายและรับเนื้อหาที่เก็บไว้ที่ 93.184.216.34 เปลี่ยนเป็นการรับเนื้อหาผ่านค่า hash ของ QmXnnyufdzAWL5CqZ2RnSNgPbvCc1ALT73s6epPrRnZ1Xy โดยเนื้อหาที่มีอาจถูกเก็บในหลายๆ Node หากว่ามี Node หนึ่งที่มีปัญหามันก็จะมองหาและใช้งานใน Node ต่อๆไป”

โครงการ IPFS ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดย Juan Benet จาก Protocol Labs และตั้งแต่นั้นก็เป็นโครงการ open-source ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชุมชน

ตามรายงานของ Cointelegraph  IPFS ได้เปิดตัวเครือข่ายจัดเก็บไฟล์ในปี 2016 บน Ethereum แทนที่จะเป็น Bitcoin และได้อธิบายว่า Ethereum นั้นเป็นเครือข่ายที่สนับสนุนและมีคุณสมบัติที่หลากหลาย

 

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Cloudflare ช่วย IPFS ได้อย่างไร?

บริษัทเองมีความทะเยอทะยานมากเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขา

“มันรู้สึกเหมือนกับการเปิดตัว Cloudflare เมื่อปี 2010 และเปลี่ยนแปลงสำหรับเว็บพร็อพเพอร์ตี้ด้วยการให้การรักษาความปลอดภัย เราคิดว่า gateway IPFS จะช่วยประสิทธิภาพของเนื้อหาบน distributed web”

แท้จริงแล้วในทางทฤษฎีเกตเวย์ใหม่ช่วยลดความยุ่งยากในการโต้ตอบกับเครือข่าย ทำให้สามารถเข้าถึงได้โดยใช้เบราว์เซอร์แบบสบายๆ

“ในทั่วไปแล้วคุณสามารถเข้าถึงไฟล์ที่จัดเก็บไว้ใน IPFS จากเบราเซอร์ของคุณได้หลายพันล้านไฟล์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่คุณสามารถทำได้ การใช้ gateway ของ Cloudflare คุณยังสามารถสร้างเว็บไซต์ที่โฮสต์ทั้งหมดบน IPFS แต่ก็ยังสามารถใช้งานชื่อโดเมนที่กำหนดเองได้ “

เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ CloudFlare มอบใบรับรอง SSL ฟรีให้กับเว็บไซต์ใดๆ ที่เชื่อมต่อผ่านบริการใหม่ของตน โดยเพื่อรักษาความปลอดภัย

นอกจากนี้ในความพยายามที่จะป้องกันเรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวกับเรื่องความเป็นกลางบริษัท อ้างว่า “gateway IPFS ของ Cloudflare เป็นเพียงแคชในหน้า IPFS” และพวกเขาไม่สามารถ “แก้ไขหรือนำเนื้อหาออกจากเครือข่าย IPFS ได้” “เตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่ผู้ใช้จะแชร์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม สำหรับกรณีดังกล่าวบริษัทใช้ “การรายงานการละเมิดที่เป็นมาตรฐาน” ของพวกเขา

Article
, , ,
Writer

Maybe You Like