fbpx

CBDC สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติคืออะไร? ทำไมหลายประเทศทั่วโลกถึงตื่นตัว

ยาวไปอยากเลือกอ่าน แสดง CBDC คืออะไร ? ทุกวันนี้เรามีเงิน CBDC อยู่แล้ว เราจะมี CBDC ไปทำไม? Libra เป็น CBDC ไหม? CBDC ในประเทศต่างๆ ผลกระทบของ CBDC สรุป หลังจากที่จีนได้มีข่าวในการสร้าง DCEP หรือที่หลายคนอาจจะได้ยินในชื่อของหยวนดิจิทัล เรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างสกุลเงินดิจิทัลนั้นจะได้รับความสนใจมากขึ้นแต่จริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานกว่าที

CBDC สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติคืออะไร? ทำไมหลายประเทศทั่วโลกถึงตื่นตัว

1 Jun 2020

หลังจากที่จีนได้มีข่าวในการสร้าง DCEP หรือที่หลายคนอาจจะได้ยินในชื่อของหยวนดิจิทัล เรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างสกุลเงินดิจิทัลนั้นจะได้รับความสนใจมากขึ้นแต่จริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานกว่าที่คิดเลยที่เดียว

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

 

CBDC คืออะไร ?

CBDC นั้นย่อมาจาก Central Bank Digital Currency หรือคือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางแต่ละประเทศ โดยมีลักษณะการใช้งานที่ไม่ต่างจากเงินสดและเป็นเงินของรัฐ มันเหมือนเงินที่เราใช้ในทุกวันนี้เพียงแต่แค่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่ไม่ต้องมีการพิมพ์เงินออกมาด้วยซ้ำ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วตามรายงานที่ออกมาส่วนใหญ่มันจะมีเทคโนโลยี Blockchain เป็นส่วนประกอบอยู่เสมอ

 

ทุกวันนี้เรามีเงิน CBDC อยู่แล้ว

ในมุมมองของคนทั่วไปนั้นเราอาจจะคุ้นเคยกับเงินสดที่สามารถจับต้องได้ที่เป็นธนบัตรหรือเหรียญ ซึ่งในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เราอาจจะคุ้นเคยกับระบบ Mobile payment ที่เราโอนด้วยมือถือ แต่มันก็ไม่ใช่ระบบอิเล็คทรอนิคส์ทั้งหมดเพราะเราก็ยังสามารถฝากและถอนในรูปเงินสดได้ 

ที่จริงๆแล้วที่ผ่านมาในหลายๆประเทศนั้นเรามี CBDC ไม่อยู่ในรูปธนบัตรมานานแล้ว เพียงแต่ว่ามันไม่ได้ถูกแจกจ่ายหรืออนุญาติในคนทั่วไป มันถูกใช้ในระบบภายในของธนาคารโดยที่เงินเหล่านั้นไม่ต้องมีการพิมพ์ธนบัตรที่จับต้องได้ด้วยซ้ำ โดยมันถูกเรียกว่า Wholesale CBDC แต่การมาของแนวคิด CBDC ที่มี Blockchain นั้นอาจยกระดับให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้เป็นลักษณะของ Retail CBDC

 

เราจะมี CBDC ไปทำไม?

อันที่จริงแล้วแนวคิดเรื่อง CBDC ที่เกิดขึ้นนั้นก็เริ่มมากจากความต้องการจะยกระดับการทำธุรกรรมในระบบภายในธนาคารเองหรือการโอนอย่าง Cross border payment แต่ด้วยการที่เทคโนโลยีนั้นมีประสิทธิภาพและต้นทุนที่ถูกขึ้นทำให้มีแนวคิดว่า CBDC นั้นอาจไม่ถูกจำกัดแค่ในธนาคารเท่านั้นแต่ยังรวมถึงผู้คนทั่วไปที่อาจได้ใช้ CBDC นี้เช่นกัน 

นอกเหนือจากนี้ยังเกิดจากความต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการเงินในระดับถัดไป ประเทศที่มีการเติบโตทาง Mobile Payment จนกลายเป็นสังคม  Cashless Society อย่าง จีนหรือสวีเดนนั้นมีการใช้เงินสดที่น้อยลงเรื่อยๆทำให้เกิดการผลักดีนี้ขึ้นมา

ความพยายามของโลกในการที่จะส่งมูลค่าของสิ่งๆหนึ่งให้เร็วขึ้นนั้นเกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์ของเราเพราะมันไม่ใช่แค่เพียงการที่คนๆหนึ่งได้รับสิ่งๆหนึ่งเท่านั้นแต่มันหมายถึงเศรษฐกิจทั้งหมด ในปัจจุบันหนึ่งในส่วนที่บอกว่าประเทศๆหนึ่งมีการเจริญเติบโตเท่าไหรคือ GDP ซึ่งรวมถึงการที่เงินสามารถหมุนไปได้กี่รอบในเศรษฐกิจ

 

Libra เป็น CBDC ไหม?

Libra นั้นไม่ถือเป็น CBDC แต่เข้าข่ายของ Stablecoin เพราะว่าการสร้างเหรียญ Libra ที่ใช้งานได้นั้นจะต้องมีการสำรองเงินสดในสกุลต่างๆที่สามารถจับต้องได้เป็นการประกันมูลค่า ต่างจาก CBDC ตรงที่รัฐสามารถผลิตได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องมีการนำเงินมา Reserve แต่อย่างใด นอกจากนี้ Libra นั้นยังเป็นเงินที่ออกโดยเอกชนมากกว่าที่จะเป็น Legal tender ที่ธุรกิจอยู่ภายใต้กฎหมายต้องรับชำระเหมือน CBDC

 

CBDC ในประเทศต่างๆ 

เราอาจจะเห็นข่าวที่จีนพยายามทำ CBDC เป็นของตัวเองที่ชื่อว่า DCEP แต่จริงๆแล้วยังมีอีกหลายประเทศที่มีการพัฒนา CBDC เป็นของตัวเองเพียงแต่อาจจะไม่ถูกพูดถึงมากนักเช่น

  • E-Krona ในสวีเดนซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่พัฒนา CBDC เเป็นประเทศแรกๆเนื่องจากในปี 2018 อัตราการชำระเงินด้วยเงินสดในสวีเดนเหลืออยู่เพียง 13% ซึ่งมูลค่าในตลาด Remitance ของสวีดเวนมีมูลค่ามากถึง 16400 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่า GDP ในประเทศถึง 3.5 เท่าโครงการเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2017 ปัจจุบัน E-Krona มีการทดสอบกับร้านค้าและ End-User เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี่ในรายงานระบุว่าผู้ใช้งานสามารถทำ anonymouse payment ได้หากมันมีมูลค่าไม่ถึง 250 EURO และรองรับระบบ Offline Payment
  • ธนาคารฝรั่งเศษประกาศเมื่อเดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมาเดี่ยวกับ CBDC ระบุว่าจะเป็นการทดสอบด้วยการใช้เงินยูโรดิจิทัล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจการใช้งาน CBDC สำหรับ tokenized financial assets แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศฝรั่งเศสจะเรียกร้องให้มีการสร้างระบบการชำระราคาแบบบล็อกเชนในยุโรป
  • แอฟริกาใต้ประกาศถึงการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2019 โดยดำเนินการจากธนาคารกลางแอฟริกาใต้ โดยอ้างถึงคุณสมบัติของ CBDC ที่จะถูฏพัฒนาขึ้นว่าจะเป็น Legal tender และจะทำงานร่วมกันกับเงินสดมากกว่าจะมาแทนที่เงินสด และสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร  
  • ธนาคารอังกฤษนั้นยังอยู่ในช่วงพิจารณษการสร้าง CBDC แต่ก็มีเอกสารและการอภิปรายในการศึกษาความเสี่ยงและโอกาสในการพัฒนา เพราะแม้อังกฤษเองนั้นยังมีการใช้เงินสดอยู่มากแต่ก็มีแนวโน้มที่ลดลงจนกระทั่งปี 2018 นั้นอัตราการใช้เงินสดเหลืออยู่เพียง 28% เท่านั้น
  • ล่าสุดทางอเมิรกาก้ได้ประกาศโครงการ Digital Dollar ก่อตั้งขึ้นโดยอดีตผู้นำของคณะกรรมการการ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) และ Accenture โดยกล่าวว่าจะสร้างให้เสร็จใน 5-10 ปี

 

ผลกระทบของ CBDC

แม้ว่าแนวคิด CBDC นั้นจะเป็นแนวคิดของอนาคตของสังคม Cashless Society แต่มันก็มีทั้งผลกระทบในข้อดีข้อเสียที่ต้องคำนึงถึงเช่น

  • ลดต้นทุนในการผลิตเงินที่จับต้องได้
  • ระบบการเงินของโลกจะถูกพัฒนาไปอีกระดับ
  • เงินในสกุลของแต่ละประเทศจะเปรียบเสมือนกับสินค้าที่ผู้คนมีทางเลือกในการได้ว่าจะใช้สกุลใด
  • การเก็บข้อมูลการเงินที่ละเอียดจาก CBDC ก็ยังเป็นข้อกังวล เพราะถ้าเราพูดถึงความเป็นส่วนตัวนั้นเงินสดยังมีความเป็นส่วนตัวกว่า
  • การปกป้องรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เราใช้ CBDC ของประเทศอื่น
  • การแจกเงินแก่ประชาชนอาจทำได้ง่ายขึ้นเมื่อเศรษฐกิจเกิดวิกฤติและลดต้นทุนได้ (ลองดูตัวอย่างปัญหาจากแจกเงินเยียวยาในทุกวันนี้ดูก็ได้)
  • ในทางทฤษฎีแล้วเป็นไปได้ที่รัฐอาจจะทำการแบนหรืออายัด CBDC ได้หากเป็นสมควรในวิธีต่างๆ เช่น ปฏิเสธไม่ให้ CBDC ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินนำไปใช้งาน
  • เมื่อผู้คนสามารถทำธุรกรรมโดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารพานิชย์แล้วบทบาทของธนาคารพานิชย์จะเป็นอย่างไรต่อไป
  • มีความกังวลถึงความเป็นไปได้อื่นๆเช่นในบางประเทศที่ดอกเบี้ยติดลบ การใช้งาน CBDC จะทำให้รัฐเก็บดอกเบี้ยในจุดนี้หรือ เก็บภาษีได้ง่ายขึ้น
  • สถานบันการเงินอาจจะสามารถสร้างสินเชื่อหรือหนี้เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะสามารถออก CBDC เมื่อใดก็ได้

 

สรุป

หลายคนอาจจะมองว่า CBDC นั้นอาจจะเป็นแผนการที่ประเทศแต่ละประเทศใช้ในสงครามการค้า แต่ผู้เขียนกลับมองว่า โดยดั้งเดิมแล้วมันเกิดจากการอิ่มตัวและความต้องการระบบการเงินที่ดีขึ้นเหมือนที่เกิดใน จีน หรือ สวีเดน การที่ CBDC จะมีผลต่อประเทศอื่นๆในแง่อิทธิพลนั้นเป็นผลพลอยได้ขึ้นที่สองมากกว่า จุดประสงค์แรกเริ่มนอกจากนี้เราจะเห็นว่ามันยังไม่มีผลการทดสอบในวงกว้างของประเทศใดๆในปัจจุบันและมันยังมีข้อที่น่ากังวลใจอีกมาก แต่อย่างไรก็ตาม CBDC ก็เป็นหนึ่งในสิ่งจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต

Article Guide & Analytics
Writer

Maybe You Like