fbpx

Block by Block และ ห่วงโซ่อุปทาน

ยาวไปอยากเลือกอ่าน แสดง Block by Block และ ห่วงโซ่อุปทาน จุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทานแบบ blockchain อยู่ที่ไหน จากปัญหาที่ต้องเผชิญเนื่องจากแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ (centralized supply chain platforms) เเล้ว แพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทานแบบ blockchain จะแก้ปัญหาได้อย่างไร แล้วอะไรคืออุปสรรคในการเข้าถึง Block by Block และ ห่วงโซ่อุปทาน Block by Block เ

Block by Block และ ห่วงโซ่อุปทาน

25 Jan 2019

Block by Block และ ห่วงโซ่อุปทาน

Block by Block เป็นชุดที่เราจะลงไปในอุตสาหกรรมต่างๆและตรวจสอบตั้งเเต่จุดเริ่มต้นสำหรับการกระจายอำนาจ

Thank you for reading this post, don't forget to subscribe!

หนึ่งในการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี blockchain ยอดนิยม คือ ห่วงโซ่อุปทาน(supply chain) เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการสำรวจของ Deloitte พบว่า ผู้บริหาร 53% จาก 1,000 คน ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า บริษัทของเขากำลังทำงานใน“ blockchain use cases” สำหรับ ห่วงโซ่อุปทาน

 

และไม่ยากที่จะเดาว่าทำไมบริษัทหลายแห่งกำลังดิ้นรน เพื่อที่จะเพิ่มความชัดเจนและเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของสินค้าของพวกเขาตลอดห่วงโซ่อุปทาน ปัญหาเหล่านี้มาคู่กับความกังวลในการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ไม่ดี และตลาดของ software ในการจัดการห่วงโซ่อุปทานสูงถึง $ 12 billion จึงดึงดูดนักลงทุนและผู้ประกอบการให้สนใจการแก้ไขปัญหาห่วงโซ่อุปทานด้วยเทคโนโลยี blockchain

จุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทานแบบ blockchain อยู่ที่ไหน

ข้อจำกัดในการมองเห็น : การมองเห็นห่วงโซ่อุปทานจำเป็นสำหรับบริษัทอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม การมองเห็นตลอดห่วงโซ่อุปทานนั้นยากมากแต่เป็นไปได้ ในปี 2017มีการสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทาน พบว่ามีบริษัทเพียง 6% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จใน“ การมองเห็นห่วงโซ่อุปทานอย่างเต็มรูปแบบ” การสำรวจ Deloitte ยังแสดงให้เห็นว่าการมองเห็นนั้นเป็นหนึ่งในความท้าทายอันดับต้น ๆ สำหรับการจัดการความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน

 

การมองเห็นอย่างจำกัดอาจสร้างผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่องอาจหลุดเข้าไปในห่วงโซ่อุปทานและไปอยู่ในมือของผู้บริโภค

ตัวอย่างที่มีให้เห็น เช่น การระบาดของเชื้อ E. coli ล่าสุดที่เชื่อมโยงกับผักกาดหอม romaine ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 59 คนในสหรัฐอเมริกา หรือการทะเลาะกันอย่างรุนแรงของ Firestone และ Ford ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 270 รายและบาดเจ็บ 800 คนในสหรัฐอเมริกา

 

การโกงในห่วงโซ่อุปทาน : ความซับซ้อนและคลุมเครือของห่วงโซ่อุปทานส่งผลให้เกิดการโกงได้ในหลายกิจกรรม เช่น การขโมยและการปลอมแปลง เนื่องจากบริษัทต้องทำงานกับเว็บซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาช่วงต่อ ทำให้โอกาสมากมายสำหรับการโกง

การโกงเหล่านี้ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เเบบ เพชรแห่งความขัดแย้ง (conflict diamond) และยาปลอมเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานอย่างผิดกฎหมายได้ การโกงที่มีการโจรกรรมมาเกี่ยวข้องยังส่งผลให้บริษัทเดินเรือขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ ทาง SAP Center for Business Insight ประมาณความเสียหายไว้ที่ $ 3.7 Trillion เนื่องจากการโกงที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน

 

ปัญหาการชำระเงินและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูง : อุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทานต้องเผชิญกับต้นทุนการบริหารที่สูง จากข้อมูลของ EY “บริษัท Fortune 100 โดยเฉลี่ยในสหรัฐอเมริกา มียอดขายมากกว่า 60 วัน” นั่นคือ บริษัทต่างๆต้องรอ 60 วัน เพื่อรับเงินหลังจากส่งมอบผลิตภัณฑ์ หรือหลังจากทำงานเสร็จ  EYกล่าวว่านี่เป็นสที่แปลก เพราะ “ เกือบทุกบริษัท มีการความสัมพันธ์กันในสัญญาที่ระบุว่า ชำระเงินเมื่อได้รับสินค้าหรืออย่างมากภายใน 30 วัน”

EY อ้างถึง “ ช่องว่างแบบอะนาล็อก (analog gap)” ที่ก่อให้เกิดความล่าช้านี้ สำหรับสัญญาห่วงโซ่อุปทาน ลูกค้ามักป้อนใบแจ้งหนี้ด้วยตนเองและตัดสินใจว่าจะจ่ายเมื่อใด  ลูกค้าเหล่านี้มีแรงจูงใจที่จะจ่ายหนี้ของพวกเขาโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อใช้ประโยชน์จากบริการที่ส่งมอบและเงินสดในมือที่จัดสรรให้สำหรับการชำระเงินใน 60 วัน นับเป็นเรื่องดีสำหรับลูกค้า เเต่สถานการณ์นี้ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากวิกฤตสภาพคล่อง ไม่สามารถชำระค่าสินค้าหรือบริการที่พวกเขาได้ส่งมอบในระยะสั้น นอกจากนี้อุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทานยังเผชิญกับต้นทุนสูงของกระบวนการเอกสารของพวกเขา ตามที่ Forbes กล่าวไว้ “ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลเอกสารการค้าและการบริหารคาดว่าจะเท่ากับต้นทุนการขนส่งทางกายภาพที่เกิดขึ้นจริง”

 

จากปัญหาที่ต้องเผชิญเนื่องจากแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ (centralized supply chain platforms) เเล้ว แพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทานแบบ blockchain จะแก้ปัญหาได้อย่างไร

ข้อจำกัดในการมองเห็น →การมองเห็นที่เพิ่มขึ้น : โซลูชันที่เปิดใช้งาน blockchain แจกจ่ายบันทึกและส่งข้อมูลบนซัพพลายเชนไปยังผู้ใช้ทั้งหมดของเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานแบบเรียลไทม์ ในทางทฤษฎีหมายความว่า การเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุด A ไปยังจุด B นั้นได้รับการอัพเดตตลอดเวลาสำหรับสมาชิกของเครือข่ายเพื่อตรวจสอบ นอกจากนี้เนื่องจากเครือข่ายบ blockchain โดยทั่วไปมีกลไกที่ต้องการให้สมาชิกทุกคนเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงก่อนที่เครือข่ายจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยไม่ได้รับการยืนยันจากสมาชิกทุกคนในเครือข่าย

 

การโกงในห่วงโซ่อุปทาน→ลดโกง : “ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” เป็นผลประโยชน์หลักของโซลูชัน blockchain ในทางทฤษฎีแล้วข้อมูลที่ถูกบันทึกลงใน blockchain นั้นจะไม่ถูกลบหรือแก้ไขได้ การที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคู่กับ RFID tags และเซ็นเซอร์ที่ใช้ในบริษัทอยู่แล้วทำให้ยากสำหรับการโกงที่จะเกิดขึ้น ความพยายามใด ๆ ในการเปลี่ยนจุดข้อมูลของ blockchain จะสังเกตได้ทันทีจาก node บนเครือข่ายและถูกปฏิเสธไป

 

ปัญหาการชำระเงินและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูง→เปลี่ยนเป็นเอกสารดิจิทัลผ่าน Smart Contracts : ระบบ blockchain บางระบบ (Hyperledger, Ethereum และอื่น ๆ )สามารถใช้ smart contracts ที่สามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติเมื่อจบกิจกรรมตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ล่วงหน้า หากใช้อย่างถูกต้องหลักฐานการส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการจะทำการชำระเงินสำหรับการจัดส่งนั้นโดยอัตโนมัติ นี่จะลดค่าใช้จ่ายรายวันสำหรับบริษัทที่ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการเหล่านี้ นอกจากนี้การเปลี่ยนเอกสารให้เป็นดิจิทัลสามารถลดค่าใช้จ่ายของกระบวนการเอกสารได้อย่างมาก

 

แล้วอะไรคืออุปสรรคในการเข้าถึง

มุมมองของผู้คน : แม้ว่าเครือข่าย blockchain สามารถแก้ไขปัญหาในขอบเขตดิจิทัลได้ แต่พวกเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาในขอบเขตทางกายภาพ blockchain ไม่ได้หยุดผู้คนจากการกระทำที่ไม่ดี ผู้คนเหล่านี้อาจไม่สามารถแก้ไขฐานข้อมูล  blockchain ได้ แต่พวกเขาสามารถจัดการกับผลิตภัณฑ์ทางกายภาพที่ติดตามห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้ สมมติว่า บริษัทต้องการติดตามความถูกต้องของกระเป๋าถือสุดหรูที่มี RFID tag ซึ่งบันทึกรายละเอียดของกระเป๋าลงใน blockchain เพื่อยืนยันความถูกต้อง ผู้คนที่ไม่ดีพยายามเอากระเป๋าปลอมให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานสามารถใส่ RFID tag ของกระเป๋าแท้ลงบนถุงของปลอมได้ ทั้งหมดนี้ทำในขอบเขตทางกายภาพโดย blockchain ไม่สามารถช่วยได้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ เครือข่าย  blockchai ที่ติดตาม RFID tag ที่แนบมากับกระเป๋าปลอมนั้นเป็นของแท้ไป

 

การที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ : “ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”  ถูกขนานนามว่าเป็นประโยชน์ของระบบ blockchain มันอาจเป็นข้อเสียสำหรับผู้จัดการห่วงโซ่อุปทาน มีหลายสถานการณ์ที่จำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลเก่า ตัวอย่างเช่น หากชิ้นส่วนเครื่องบินติดฉลากผิดผู้จัดการห่วงโซ่อุปทานจะต้องการความสามารถในการอัปเดตฉลากใหม่ ยกเว้นว่าพวกเขาต้องการจัดส่งชิ้นส่วนที่ไม่ถูกต้องนี้ หรือ การเก็บบันทึกธุรกรรมทางการเงินที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

 

การเเข่งขันของ Startup : แพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทาน blockchain ไม่เพียงแต่แข่งขันกับบริษัทเก่าแก่อย่าง IBM แต่ยังมี Startup หลายร้อยรายที่พยายามแย่งส่วนแบ่งตลาด Startupเหล่านี้ได้ระดมเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดเช่นเดียวกับบริษัทห่วงโซ่อุปทาน blockchain  นอกจากนี้ startups เหล่านี้ยังได้พัฒนาโซลูชัน blockchainless ซึ่งลูกค้าจะจ่ายอย่างงาม หากโซลูชันเหล่านี้สามารถใช้กับปัญหาห่วงโซ่อุปทานในปัจจุบันผู้ใช้ที่มีศักยภาพของโซลูชั่น blockchain ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้

Blockchain และ ห่วงโซ่อุปทาน ดูเหมือนจะเข้ากันได้อย่างดี อย่างไรก็ตามดังที่เราได้เห็นด้วยการเปิดตัวล่าสุดของ IBM ของแพลตฟอร์มซัพพลายเชนที่ใช้งาน blockchain ชื่อ TradeView เเละยังต้องมีการพัฒนาต่อไปอีก บริษัทต่างๆจะเริ่มใช้โซลูชันเหล่านี้มาใช้  สรุปโดยรวม ในขณะที่ blockchains ทำประโยชน์ให้กับผู้จัดการโซ่อุปทาน เเต่พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนการกระทำของมนุษย์ซึ่งเป็นลักษณะพื้นฐานของห่วงโซ่อุปทานได้

 

News
,
Writer

Maybe You Like

Recent Post